“ขอบคุณที่อนุญาตให้เป็นเพื่อนพวกคุณมาจนถึงทุกวันนี้”
ประโยคที่ทำให้คนพูดเสียงสั่น คนฟังน้ำตาคลอของ บอย-ตรัย ภูมิรัตน คือคำพูดสั้นๆ ที่สรุปใจความสำคัญในงาน ‘คอนฯ สู่เหย้าชาวคณะ Friday 22 ปี ยินดีที่ได้รู้จัก’ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-15 ธันวาคม 2562 ได้ดีที่สุด
เพราะ Friday คือหนึ่งในวงดนตรีไม่กี่วงที่เรารู้สึกว่า บอย, อดุลย์ รัชดาภิสิทธิ์ และ หนึ่ง-เกรียงไกร วงษ์วานิช ไม่ใช่แค่ศิลปิน แต่เป็นคนที่เราอยากเรียกพวกเขาด้วยคำว่า ‘เพื่อน’ จริงๆ
นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ฟัง อยู่คนเดียวอีกแล้ว ในอัลบั้ม Magic Moment (2545) และกลับไปไล่ฟังเพลงในอัลบั้ม Friday I’m in Love (2540) เราก็สถาปนาตัวเองเป็นเพื่อนของ Friday ที่ทิ้งช่วงในการออกอัลบั้มทุกๆ 4-5 ปี มาโดยตลอด
และสามารถพูดได้ว่า Friday คือเพื่อนที่ดีของเรา มากพอๆ กับที่กล้ายอมรับว่าเป็นเราเองต่างหากที่ไม่ได้ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเขาเท่าที่ควร
เพราะสารภาพว่าเราไม่ใช่คนที่ใช้เพลง ชั่วโมงต้องมนต์ เพื่อบอกความในใจกับใครสักคน ไม่ได้ใช้เพลง หนาวนี้ เพื่อขอมือใครสักคนในทุกฤดูหนาว ฯลฯ ในช่วงชีวิตทั่วไปเราก็ไปฟังเพลงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม หรือเพลงที่เรารู้สึกอะไรบางอย่างในช่วงเวลานั้น
แล้วก็เก็บซ่อนเพลงของพวกเขาเอาไว้ในเพลย์ลิสต์ลับที่ไม่ค่อยนึกถึง แต่เมื่อไรก็ตามที่อกหัก ชีวิตรักมีปัญหา เพลงของ Friday จะเป็นอันดับแรกๆ ที่เรากลับมาเปิดฟังอยู่เสมอ
เหมือนกับในชีวิตจริงที่เรามีเพื่อนสนิท แล้วเวลาผ่านไปได้เจอเพื่อนใหม่ ติดแฟน ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับคนรัก จนแทบไม่ได้แวะเวียนไปหาเพื่อนเก่า จนกระทั่งความรักไม่ถึงฝั่งฝันนั่นล่ะ เราถึงจะยกหูโทรศัพท์ไปหาพร้อมกับประโยคเดิมๆ ว่า “คืนนี้อยู่ไหน?”
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะมีงานเช้า อยู่กับแฟน หรือมีธุระสำคัญต้องสะสาง เพื่อนคนนั้นก็ตอบรับคำเชิญ มานั่งเศร้าเคล้าเครื่องดื่มอยู่กับเราจนถึงเช้า (หรือหลายวันขึ้นอยู่กับความสาหัสของบาดแผลในหัวใจ) และพออาการดีขึ้น เราก็พร้อมที่จะหายตัวไปกับความรัก ความท้าทายครั้งใหม่ วนเวียนเป็นวัฏจักรซ้ำๆ ไม่รู้จักจบ
เหมือนที่ Friday ทำหน้าที่เป็นเพื่อนคนนั้นอย่างดีมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่รู้จักกัน
นอกจากความคอแข็งที่อยู่กับเราได้ถึงเช้า ความพิเศษที่เรารู้สึกได้จาก Friday คือ การเป็นเพื่อนที่ไม่ได้แค่ปลอบใจเราด้วยคำง่ายๆ ว่าเดี๋ยวมันจะผ่านไป แต่เป็นเพื่อนที่สามารถเอาความเจ็บปวดของเรามาแซวได้แบบหนักๆ และกล้าที่จะพูดให้เรามองเห็นความจริงว่าเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างต่อจากนี้ ด้วยความรู้สึกไม่ตัดสินผิดถูก แต่มองเรื่องทุกอย่างด้วยความเข้าใจและเป็นจริง
เหมือนที่บอกกับเราว่า นับจากวันนี้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปในเพลง เปลี่ยนไปทุกอย่าง, บอกว่าต่อจากนี้คงต้องเหงาอีกพักใหญ่ผ่านเพลง อยู่คนเดียวอีกแล้ว, บอกว่าถึงแม้จะเจ็บปวด แต่การรอคอยไม่ใช่เรื่องผิดในเพลง ต่างคนต่างรอ
บอกว่าให้เก็บคนคนนั้นเอาไว้ในความคิดไม่ใช่ในชีวิต ให้มาหลอกหลอนได้แค่ตอนหลับตาในเพลง ปิดผนึก, บอกให้จำไว้ว่าถึงไม่ใช่คนรักกัน แต่ก็เคยรักกันจนวันสุดท้ายในเพลง คนรักเก่า ฯลฯ
การมางานคอนฯ สู่เหย้าชาวคณะ Friday 22 ปี ยินดีที่ได้รู้จัก ในครั้งนี้ (ที่เรามาดูด้วยบัตรฟรี ยืนยันความเป็นเพื่อนที่ไม่ดีอย่างเหนียวแน่น – ขอโทษจริงๆ นะ) เลยเป็นการมาหาพวกเขาในวันที่สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ความรักไม่มีปัญหา ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นงานรวมเพื่อนเก่าที่มาเพราะความคิดถึง อยากเจอพวกเขาจริงๆ
และตลอดเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง Friday ก็ยังเป็นเพื่อนที่ตั้งใจต้อนรับขับสู้เราอย่างอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
เราเห็นความพยายามเอ็นเตอร์เทนเพื่อนๆ ด้วยการเปลี่ยนชุดชวนทุกคนลุกขึ้นมาเต้นแอโรบิก ทั้งที่รู้กันอยู่แล้วว่าปกติพวกเขาเป็นคนขี้อายขนาดไหน, อีกช่วงที่เราชอบมากๆ พาร์ตรอบกองไฟ ที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นเพื่อนระหว่างสมาชิกวง Friday และคนดู
แต่การล้อมวงเล่นกีตาร์ ร้องเพลงเก่าแบบซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวันจบ เห็นอดุลย์ทำเสียงเลียนแบบ จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว ในเพลง จิ๊บ ร.ด. เห็นบอยทำเสียง แอ๊ด คาราบาว หนึ่งทำเสียง เทียรี่ เมฆวัฒนา ในเพลง เจ้าตาก ฯลฯ
ทำให้เรานึกไปถึงบรรยากาศตอนล้อมวงร้องเพลงแบบบ้าๆ บอๆ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นกับเพื่อนๆ ซึ่งเวลาผ่านไปนานจนเราแทบจำไม่ได้แล้วว่า เรามีโอกาสได้ทำแบบนั้นครั้งสุดท้ายเมื่อไร
ถึงแม้ ‘กองไฟ’ ที่อยู่ด้านหน้าจะดูไม่ใกล้เคียงจากกองไฟในความเป็นจริง แต่บรรยากาศของความเป็นเพื่อนที่เรารู้สึกได้นั้น ‘จริง’ จากบทเพลง รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะที่พวกเขาส่งออกมา
ถึงแม้พาร์ตที่เราอินที่สุดก็ยังเป็นหมวดเพลงเศร้าที่เราคุ้นเคย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเศร้าไปกับเสียงที่เราได้ยิน เป็นความรู้สึกในใจที่บอยพูดถึงเหตุผลที่ทำให้พวกเขาอยากจัดคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมามากกว่า ที่ทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าที่ผ่านมาเราทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีของพวกเขาได้แย่จริงๆ
“เราคงไม่ดังกว่านี้ วันหนึ่งเราจะห่างหายกันไป คุณอาจจะฟังเพลงเราน้อยกว่านี้ นี่เป็นเหตุผลที่เราจัดคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมา เพื่อบันทึกเอาไว้ในวันที่คิดถึงกัน”
เป็นประโยคที่ช่วยยืนยันได้อีกครั้งว่า บอยและวง Friday ยังเป็นคนที่สามารถพูดถึงความเศร้าได้อย่าง ‘เข้าใจ’ โลกแห่งความเป็นจริงมากที่สุด ไม่ต่างจากบทเพลงที่คอยปลอบใจพวกเรามาตลอด
รวมทั้งประโยคที่อดุลย์ทิ้งท้ายไว้ว่า “พอจบงานนี้ อีกไม่กี่นาทีพวกเราก็จะเหงาเหมือนเดิมอีกแล้ว” ก่อนเล่นเพลง อยู่คนเดียวอีกแล้ว เพื่อปิดงาน และคำพูดติดตลกที่ว่า “อยากได้ยินคนตะโกนอังกอร์เสียงดังๆ อยากมีรูปถ่ายทะเลดาวเหมือนที่วงดังๆ เขามีกัน”
ส่วนเราที่มีส่วนทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านั้น คงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการเป็นอีกหนึ่งช่วยยืนยันว่าถึงแม้จะไม่ดังเหมือนคนอื่น แต่เรารักที่วง Friday เป็นแบบนี้ ถึงแม้เราจะไม่อยากอกหักอีกแล้ว แต่เราก็ยังอยากฟังเพลงของพวกเขาอยู่เสมอ และตั้งใจว่าต่อไปนี้จะหาเวลาให้เพื่อนคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม
ขอโทษในฐานะเพื่อนแย่ๆ คนหนึ่ง, ขอบคุณที่อนุญาตให้เราเป็นเพื่อนมาตลอด
และยินดีที่ได้รู้จักจากหัวใจ พวกนายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเราจริงๆ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า