×

โจ้ Surface วาทยกรเสื้อผ้า ผู้อยู่เบื้องหลังชุดทั้งหมดของ ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น Miss Universe Thailand 2019

09.12.2019
  • LOADING...
โจ้ Surface

อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ ‘โจ้ Surface’ นักออกแบบและเจ้าของแบรนด์ Surface และ Costume Director ผู้เป็นหนึ่งในทีม Expert ของกองประกวด Miss Universe Thailand มากไปกว่านั้น เขาคือวาทยกรผู้อยู่เบื้องหลังชุดทั้งหมดของ ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น Miss Universe Thailand 2019 ให้ไปสู่จักรวาล

 

คุณโจ้เป็นผู้ที่มีเข็มหมุด เส้นด้าย และสายวัดเป็นไม้บาตองในมือขวาคอยให้จังหวะ ส่วนมือซ้ายจะควบคุมในด้านอื่น ตรงหน้าเขาคือ กองเสื้อผ้ามหาศาลที่ส่งเข้ามาอย่างถาโถมให้ฟ้าใสได้เลือกใส่เข้ากองประกวด และหากเปรียบเสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ และ Miss Universe คือคอนเสิร์ตที่คนทั้งประเทศรอชม เขาผู้นี้จะมีหน้าที่อำนวยเพลง สื่ออารมณ์ และตีความหมายของบทเพลง ดึงความสัมพันธ์ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นให้สอดประสานให้เป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมกันนี้ วาทยกรต้องมีความเป็นผู้นำที่สามารถให้ความเชื่อมั่นแก่นักดนตรีด้วย

 

ไม่ว่าผลการประกวดจะออกมามงหรือไม่มง เส้นทางและแนวคิดการทำงานของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกความสำเร็จ และทุกๆ ปรากฏการณ์ยังเป็นสิ่งที่น่าศึกษาเสมอ พร้อมทั้งถามถึงมุมมองของความงามที่หยั่งลึกลงไปในบทเพลง หรือชุดรอบสุดท้ายของการประกวดที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นวาระแห่งชาติ 

 

โจ้ Surface

 

ทราบมาว่าก่อนจะมาเป็น ‘โจ้ Surface​’ เคยทำคอสตูมให้ศิลปินแกรมมี่มาก่อน เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม

ใช่ครับ เป็นสไตลิสต์ เป็นคอสตูมให้กับนักร้องในบริษัทแกรมมี่มาก่อน ถือว่าเป็นโรงเรียนแรกที่ได้เข้ามาทำเกี่ยวกับเสื้อผ้าเลย เพราะเราจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเข้ามาทำด้านเสื้อผ้า ความรู้คือเท่ากับศูนย์ ตอนเข้ามาฝึกงาน และได้ทำเสื้อผ้าให้กับศิลปินที่หลากหลาย มีรุ่นพี่ช่วยสอน มันทำให้เราทราบเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับแต่ละบุคคล ว่าเราจะนำเสนอคาแรกเตอร์ของเขาเหล่านั้นสู่สาธารณชนอย่างไร แกรมมี่เลยเปรียบเสมือนโรงเรียนที่เราได้เข้ามาฝึกงานครั้งแรก

 

หลังจากที่ทำงานกับศิลปินมาหลายๆ คน พี่โจ้ได้เรียนรู้อะไรจากที่นั่น

สำหรับเรา แทบจะไม่ใช่แฟชั่นดีไซเนอร์ด้วยซ้ำ ที่เราทำคือ คอสตูมดีไซเนอร์ คอยออกแบบเสื้อผ้าให้กับแต่ละคน นอกจากจะดูคาแรกเตอร์เขาแล้ว เราต้องดูด้วยว่า เสื้อผ้าที่เราออกแบบ เขาจะใส่ไปทำอะไร เพราะฉะนั้น นอกจากการพูดคุย เราก็ต้องกลับทำการบ้าน เช่น งานพรมแดง เขาจะเดินไปอย่างไร บรรยากาศรอบพรมแดงเป็นอย่างไร มีลมหรือเปล่า เราจะต้องคิดหมดว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วเราค่อยใช้สี โครงสร้าง หรือแม้แต่ผ้า เพื่อซัพพอร์ตตัวเขา ให้เขาประสบความสำเร็จในกิจกรรมนั้นๆ เขาอยากได้อะไร เราก็จะจัดการเพื่อส่งเสริมเขา ซึ่งมันสนุกสำหรับเรา มันท้าทายมาก เพราะฉะนั้น การทำงานทุกครั้งมันคือการตั้งโจทย์ใหม่ ด้วยตัวลูกค้าเอง ด้วย ตัวเราเองด้วย เมื่อเห็นผลสำเร็จ เราก็มีความสุข

 

โจ้ Surface

 

แล้วกลายมาเป็น Surface ได้อย่างไร

ตอนทำแกรมมี่พี่มีความสุขมาก เราจบมาใหม่ๆ มีพลังเยอะ เราทุ่มเทมาก แทบจะทุกวัน สนุกทุกวัน ทำกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่เข้ามาพร้อมกัน 3-4 คน อยู่ดีๆ มันก็มีความเหนื่อย เรื่องตลกก็คือ มีวันหยุดวันหนึ่ง เราก็ทำอะไรบ้าๆ บอๆ ด้วยกัน แต่เอ๊ะ ทำไมมันมีความสุขจังเลย บางทีอาจเป็นเพราะเราไม่มีงาน เรามีวันหยุด ก็เลยคิดว่า เราควรจะจัดสรรวันหยุดต่างๆ ได้ ก็เลยออกมาทำแบรนด์ ตอนนั้นเป็น Act Cloth ก่อน แล้วค่อยย้ายมาเป็น Surface อีกที 

 

ทำไมถึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า Surface

ในวันสุดท้ายก่อนที่จะจดทะเบียนบริษัท นึกมาหลายชื่อมาก เรานึกถึงอะไรที่มันห่อหุ้มผิวสัมผัสรอบตัว เสื้อผ้าก็คือส่วนหนึ่ง ก็เลยคิดว่า ก็เอาอันนี้แหละ

 

โจ้ Surface

 

เมื่อเอ่ยถึง โจ้ Surface ทุกคนต้องนึกถึงชุดนางงาม เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำชุดนางงามให้เราฟังหน่อย

ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาทำนางงามแม้แต่นิดเดียวด้วยความสัตย์จริง เราคิดแค่ทำเสื้อผ้าให้ลูกค้าเรา หรือให้นักร้องต่างๆ ที่เรายังคบหาเป็นพี่เป็นน้อง กว่าจะได้มาทำนางงามก็เป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันก็ไม่เชิงหรอก เรื่องบังเอิญไม่มีในโลก 

 

จุดเริ่มต้นของเราคือ คุณแนท อนิพรณ์ Miss Universe Thailand 2015 ที่มีต้นสังกัดคือ คุณเอ Kiss Model ที่เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันมาก เขามาขอให้เราทำชุดให้ เรามีรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อ พี่ต้อม เขาเล่าให้เราฟังว่า ตอนคุณปุ๋ยได้นางงามจักรวาล เขามีทีมที่คอยโทร.มาบอกว่า วันนี้จะแต่งหน้า ทำผม ใส่ชุดอะไร เราก็ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา เราเคยทำงานโปรดักชันโฆษณา รู้ว่ามันจะต้องมีการฟิตติ้ง แล้วทำไมเราไม่เช่าสตูดิโอ หาเสื้อผ้ามาเยอะๆ ฟิตติ้งถ่ายกันไปเลย เลือกแต่ละชุด จะแต่งหน้าทำผมอย่างไร จะใส่โอกาสไหน ตอนที่เขาไปประกวดนางงามจักรวาล เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดทั้งหมด เป็นการช่วยเหลือนางงามอีกระดับหนึ่ง แต่ตอนนั้นยังไม่มีเงินเช่าสตูฯ ก็เอาร้านเรานี่แหละ เลยเกิดเป็นมุมจักรวาลนี้ขึ้นมา ตอนแรกเสื้อผ้าได้มาน้อย ตอนหลังก็โทร.ไปขอยืมกันอีก เครื่องประดับต่างๆ คุณแม่น้องแนทก็น่ารักมาก วิ่งไปซื้อข้าวมาให้เรา สนุกดี นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ได้ทำ 

 

โจ้ Surface

 

ระหว่างการทำชุดให้ลูกค้าปกติที่เดินพรมแดง กับชุดการประกวดนางงาม มีความยากง่ายแตกต่างกันไหม 

พรมแดงเป็นงานครั้งเดียวจบ แต่ว่าการทำนางงาม การนำเสนอบุคลิกภาพของคนที่อยู่ในช่วงเวลาหนึ่งให้กองประกวดเห็น อาจจะเป็นเดือนด้วยซ้ำไป มันก็เหมือนการทำภาพยนตร์หนึ่งเรื่องที่คาแรกเตอร์ของผู้หญิงแต่ละคนจะต้องเป็นไปตามที่เรากำหนด ยิ่งมีตารางชัดเจนยิ่งสนุก เราจะได้สร้างอารมณ์ของคนดูให้เป็นไปตามที่เราวางไว้ เช่น บางอีเวนต์เราจะสร้างความตื่นเต้นระดับสูง หรือสูงขึ้นอีก มันจัดการได้ ซึ่งบางครั้งก็เวิร์ก บางครั้งก็ไม่เวิร์ก เพราะปัจจัยต่างๆ 

 

แล้วเท่าที่ทำมา Miss Universe Thailand แต่ละคนแตกต่างกันไหม

แน่นอนว่าแต่ละคนมีบุคลิกแตกต่างกัน การนำเสนอจุดดีของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันด้วย และไม่ควรที่จะซ้ำทาง มันจะน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ อย่างแนท เราจะให้เป็นผู้หญิงยุคใหม่ ทันสมัย คล่องตัว มาดนางแบบ ส่วนน้ำตาล ในช่วงแรกเราคิดว่าต้องนำคาแรกเตอร์พิเศษออกมา ใส่ความเป็นไทยเข้าไป แต่เมื่อเขาฝึกเรื่อยๆ เขาเปลี่ยนไป แต่ไปในทางที่ดีนะ ดวงตาเปลี่ยน ความรู้สึกข้างในเปลี่ยนหมดเลย กลายเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ กล้าสู้ เสื้อผ้าเลยออกมาสนุก เลยปรับไปอีก เป็นเปรี้ยวเข็ดฟัน มีความเผ็ด จากก่อนหน้าที่เรานึกว่านิ่งๆ ไทยๆ จึงออกมาเป็นน้ำตาลแบบที่เราเห็น ส่วนมารีญาคือเป็นเจ้าหญิง เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ มีความสนุกปนดื้ออยู่ข้างในเล็กๆ ก็พยายามนำเสนอเขาออกมาในแนวนั้น 

 

โจ้ Surface

 

ในฐานะ Costume Director หลายคนฝากความหวัง กดดันไหม

ไม่กดดันเลย ไม่กดดันจากแรงข้างนอกเลย แต่อาจจะกดดันนิดหน่อย ให้ผู้หญิงรูปร่างแบบนี้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด เราจะเข้าใจในบุคลิกของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร เข้าใจความรู้สึกของเขา ส่วนนี้ค่อนข้างยาก ยากกว่าแรงกดดันภายนอกทั้งปวง ซึ่งพี่จะไม่เอาแรงกดดันภายนอกมาในที่ทำงาน เพราะมันจะสร้างแต่พลังลบ มันไม่ดีต่อความคิดสร้างสรรค์ เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราคิดว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ผิด เราต้องการทำให้คนคนนี้ดูดีที่สุด และเป้าหมายคือ Miss Universe คิดว่าภูมิใจและดีใจแล้วที่มันออกมาสมบูรณ์แบบนี้ 

 

โจ้ Surface

Photo: VALERIE MACON/AFP via Getty Images

 

เล่าถึงแรงบันดาลใจของชุดรอบสุดท้ายของฟ้าใสให้เราฟังหน่อยได้ไหม

เริ่มต้นการออกแบบ เรานึกถึงจักรวาล เกิดขึ้นตอนที่ฟ้าใสได้มงกุฎ (Miss Universe Thailand) ไปไม่นาน เรานึกจากลักษณะนิสัยของฟ้าใส โครงสร้างแบบเขา เราจะจัดเสื้อผ้าอย่างไรให้เขาดูโดดเด่นน่าสนใจ การเดินของเขาเป็นอย่างไร พี่ต้องการให้เกิดการเคลื่อนไหวของช่วงล่าง ให้มันมีความนุ่ม ให้มันมีความปลิวเกิดขึ้น เพื่อดึงสายตา 

 

เมื่อนึกถึงคอนเซปต์จักรวาล เรานึกถึงการไล่โทนสีของท้องฟ้าในยามค่ำคืน สีที่ออกมาตอนแรกจะเป็น Midnight Blue และมีดวงดาวไล่ไปที่หัวไหล่ เมื่อพูดคุย เราก็ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งทรงผม ว่าจะเบี่ยงไปด้านไหน จนสุดท้ายมีการประกาศสถานที่ขึ้นที่แอตแลนตาในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเช้าวันจันทร์บ้านเรา ฟ้าใสเขาเชื่อเรื่องสีชุดประจำวัน เราก็ได้พิมพ์ผ้าใหม่เป็นสีแดงแต่ลายเดิม ผ้าทั้งหมดเกิดจากการพิมพ์ผ้าทั้ง 22 ชิ้น ที่ไม่เหมือนกัน แล้วนำมาต่อกัน เมื่อผ้าทั้งหมดมาถึงมันรุนแรงมาก ความรู้สึกในการทำชุดเรามันเปลี่ยนหมดเลย มันคือการระเบิดจุดกำเนิดของจักรวาล อารมณ์เปลี่ยน ก็เลยออกมาอีกแบบที่เห็น ซึ่งสนุกดี การทำเสื้อผ้าของเรามันเลยท้าทาย เมื่อน้องเขาใส่ออกมามันก็สวย 

 

โจ้ Surface

 

ในความคิดของพี่โจ้ คิดว่านางงามหรือผู้หญิงสมัยนี้เป็นอย่างไร

สมัยก่อนการประกวดนางงามคือสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีแล้วก็จบ พี่คิดว่า คนไทยดูนางงามเป็นมหรสพ เช่น ตามต่างจังหวัดมันจะมีความสวยที่สวยเกินจริง เกินมนุษย์มนา สวยด้วยการพอกแป้ง เขียนทุกอย่างขึ้นใหม่ นั่นคือมหรสพ แต่ว่าความงามของพี่ในการประกวดนางงามปัจจุบัน ในระดับสากลมันต้องเป็นความงามที่เกิดขึ้นจากตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้นมากกว่าแค่สวย และไม่ใช่แค่ความงามบนเวที แต่มันต้องลึกไปจนถึงการใช้ชีวิต ความคิดของผู้หญิงคนนั้นที่จะสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ได้ และไม่ใช่แค่ผู้หญิง มันต้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X