ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ความผิดต่อ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีไม่ยับยั้งความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 11.00-15.00 น.
ศาลวินิจฉัยว่าในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 5 ฤดูกาลผลิต แม้จะพบความเสียหายหลายประการ เช่น การสวมสิทธิ์การรับจำนำข้าว, การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์, ข้าวสูญหาย, การออกใบประทวนเท็จ, การออกเอกสารปลอม, การโกงความชื้นและน้ำหนักเพื่อกดราคารับซื้อจากชาวนา, ข้าวสูญหายจากโกดัง, ข้าวเสื่อม, ข้าวเน่า, ข้าวไม่ตรงมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากฝ่ายปฏิบัติ
ซึ่งจำเลย (ยิ่งลักษณ์) ในฐานะประธาน กขช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีป้องกันความเสียหายไว้ตั้งแต่เริ่มโครงการ อีกทั้งเมื่อพบความเสียหายในขณะดำเนินโครงการ ก็ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติเป็นระยะเพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว กรณีความเสียหายในส่วนนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลย (ยิ่งลักษณ์) ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนประเด็นการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้กับบริษัทกว่างตง และบริษัทห่ายหนาน รัฐวิสาหกิจประเทศจีน ศาลวินิจฉัยว่าเป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแอบอ้างสัญญาแบบรัฐต่อรัฐเพื่อนำข้าวมาเวียนขายให้แก่ผู้ค้าข้าวภายในประเทศ ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อธิบายให้จำเลย (ยิ่งลักษณ์) ทราบรายละเอียดและวิธีการขายที่ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติของการขายแบบรัฐต่อรัฐ อีกทั้งก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำเลยเคยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเป็นการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจริง แต่ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการล้วนเป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ใต้การบังคับบัญชาของนายบุญทรง และตรวจสอบไม่ตรงตามประเด็นที่อภิปราย และจำเลย (ยิ่งลักษณ์) ก็เพิ่งปรับนายบุญทรงออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ตามพฤติการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า จำเลย (ยิ่งลักษณ์) ทราบว่าสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ระงับยับยั้ง ปล่อยให้ส่งมอบข้าวตามสัญญา จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายจับ
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง พร้อมทีมทนายความนางสาวยิ่งลักษณ์เปิดเผยภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่า จะต้องดูคำพิพากษาฉบับเต็มก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไรในการดำเนินการต่อไป ส่วนการอุทธรณ์ก็จะต้องดูในรายละเอียดข้อกฎหมายว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ส่วนในการติดต่อแจ้งผลการพิจารณาคดีก็คาดว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะฟังจากสื่อมวลชนอยู่แล้ว เนื่องจากตนก็ไม่สามารถติดต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์เองก็ไม่ได้ติดต่อมาตั้งแต่วันที่หายตัวไปเช่นเดียวกัน ซึ่งในฐานะทนายก็ได้ทำเต็มที่แล้ว
ขณะที่พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้จะให้ทาง สน. ท้องที่ (สน. ทุ่งสองห้อง) ทำการออกหมายจับภายใน 30 นาที เพื่อนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษา จากนั้นจะนำเรียนให้พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทราบ และจะส่งหมายจับไปทั่วประเทศและด่าน สตม. ต่างๆ ให้เฝ้าติดตามทำการประกาศสืบจับต่อไป ส่วนจะประกาศให้ทางอินเตอร์โพลทราบหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของอัยการ แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบประเทศปลายทางที่นางสาวยิ่งลักษณ์อาศัยอยู่ ทั้งนี้ต้องให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นคนจัดการเรื่องการเข้าค้นบ้านเพื่อนำดีเอ็นเอของนางสาวยิ่งลักษณ์จากของใช้ภายในบ้านมาเทียบเคียง รายงานข่าวแจ้งว่าจะมีการเข้าค้นบ้านในวันที่ 28 กันยายน โดยยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน
Photo: LILLIAN/AFP