ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงข่าวเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2562 ว่าขยายตัวที่ 2.4% ต่อปี โดยภาคการส่งออกสินค้า (ไม่รวมทองคำ) หดตัว เพราะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อและสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการส่งออกที่ชะลอลง
ด้านธุรกิจโรงงานช่วง 1 มกราคม ถึง 12 พฤศจิกายน 2562 ยื่นขอปิดกิจการมีอยู่ที่ 1,391 โรงงาน โดยมีการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการจำนวน 35,533 คน
ขณะที่การลงทุนใหม่ ทั้งการประกอบกิจการใหม่และการขยายกิจการของโรงงานเดิม มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 431,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.3% จากปีก่อน ขณะเดียวกันการขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่มี 2,889 โรงงาน ทำให้มีการจ้างงานจากการประกอบกิจการใหม่ 84,033 คน ด้านโรงงานที่เปิดอยู่เดิมก็ยังมีการขยายกิจการเพิ่มเติมอีกจำนวน 928 โรงงาน และมีการจ้างงานเพิ่มจากการขยายโรงงานอีกจำนวน 84,704 คน
ด้านการท่องเที่ยวไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังประเทศไทยในไตรมาส 3 ปี 2562 ขยายตัวสูงถึง 7.2% ในด้านการบริโภคภาคเอกชน รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ (ที่หักรายได้พิเศษ) ในไตรมาส 3 ปี 2562 ขยายตัวที่ 1.9% สูงขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.5% สะท้อนการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้
สำหรับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปี 2562 และปี 2563 ขณะเดียวกันก็มีเครื่องชี้ที่สะท้อนแนวโน้มในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย อาทิ รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ (ที่หักรายได้พิเศษ) ล่าสุด ในเดือนตุลาคม 2562 ที่ขยายตัวเร่งขึ้นที่ 6.0% ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ที่ขยายตัว 1.9%
นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังเดินหน้ามาตรการด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น ชิมช้อปใช้ ทั้ง 3 เฟส และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 100,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2562 นี้ เพื่อให้มาตรการต่างๆ ที่เริ่มในไตรมาส 3 สามารถส่งผลได้อย่างเต็มที่ในไตรมาส 4
โดยกระทรวงการคลังจะประเมินสถานการณ์และแนวโน้มของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะพิจารณามาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อไป