ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังต้องติดตามเรื่องการเจรจาสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
จากที่หลายฝ่ายคาดว่าได้ข้อสรุปแล้ว แต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (8 พฤศจิกายน) ทาง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตกลงลดภาษีการนำเข้าสินค้าให้จีน ทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่าสงครามการค้าอาจจะยืดเยื้อต่อไป หลังจากนี้จึงต้องติดตามท่าทีของทั้งสองประเทศไปจนถึงการเลือกตั้งในสหรัฐปี 2563
ทั้งนี้ เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 ถือเป็นช่วงปลายปีที่มักมีปัจจัยบวก 3 ด้านต่อ SET ได้แก่
1. เม็ดเงินไหลเข้าจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งจะมีเม็ดเงินเฉลี่ยแต่ละปีราว 5-6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ในช่วงต้นปี 2562 มีเงินไหลเข้ามาส่วนหนึ่ง ทำให้ช่วงที่เหลือคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาราว 3 หมื่นล้านบาท
2. การเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยจากดัชนี MSCI ซึ่งต้องติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง
3. ช่วงสิ้นปีตัวเลขเศรษฐกิจจะดูดีขึ้น จากการเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออกมักปรับตัวดีขึ้น เพราะช่วงเดือนธันวาคมจะมีวันหยุดยาว เช่น คริสต์มาส ทำให้การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ มาเร่งขยายตัวในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์ Trade War ร่วมด้วย
สรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนตุลาคม 2562
- ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2562 ปิดที่ 1,601.49 จุด ลดลง 2.2% จากสิ้นเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2.4% จากสิ้นปี 2561 โดยกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการ ให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index
- มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ Mai ในเดือนตุลาคม 2562 อยู่ที่ 52,059 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ Mai ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2562 อยู่ที่ 17.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากสิ้นปี 2561 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของดัชนี
- ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) ของไทยอยู่ที่ระดับ 67,071 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติ ณ เดือนตุลาคม 2562 ยังขายสุทธิหุ้นไทยที่ 7,914 ล้านบาท ทยอยลดลงจากเดือนก่อนหน้า และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2562 ที่มีการขายสุทธิสูงสุดของปีนี้
ทาง SET มองว่า นักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย โดยปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติยังมีสัดส่วนการถือหุ้นในตลาดฯ ราว 30-40% นักลงทุนรายย่อย 30% ส่วนที่เหลือคือนักลงทุนสถาบัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล