จับตา กนง. ประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย, เจรจาการค้าคืบหน้า สหรัฐฯ อาจยกเลิกเก็บภาษีจีนบางส่วน: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (6 พ.ย. 2562)

เจรจาการค้าคืบหน้า สหรัฐฯ อาจยกเลิกการเก็บภาษีจีน วานนี้สื่อต่างประเทศรายงานว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะยกเลิกการเก็บภาษีกับสินค้าจีนมูลค่ากว่า 1.12 แสนล้านดอลลาร์ที่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาที่อัตรา 15% เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ทางการจีนต้องแก้ไขกฎเกณฑ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ด้านค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 6.9912 หยวนต่อดอลลาร์ จากความหวังว่าจะมีการลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นอันนำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนของการค้าระหว่างประเทศต่อไป

จับตาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีกำหนดประชุมและประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ (6 พฤศจิกายน) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปที่ระดับ 1.50% จากกรณีหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนักวิเคราะห์มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่ส่งผลต่อการแข็งค่าของเงินบาทไทยอย่างมีนัยสำคัญ

ฝรั่งเศสเดินหน้าเจรจาการค้าจีน เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส พร้อมคณะที่ปรึกษาอันประกอบไปด้วยตัวแทนกลุ่มธุรกิจกว่า 30 บริษัท เดินทางร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศจีนระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน โดยคาดหวังว่าจะเข้าถึงตลาดการค้าจีนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการบินและการเงิน นอกจากนี้ยังมีการเจรจาเพื่อลดข้อจำกัดการส่งออกต่างๆ ลง

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เริ่มนโยบายหาเสียงด้วยการให้คำมั่นว่าจะจัดการ Brexit ให้เรียบร้อยหากประชาชนเชื่อมั่นในตัวเขา ซึ่งการเลือกตั้งนี้มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม โดยนักวิเคราะห์มองว่าคาดเดาผลได้ยาก เนื่องจาก Brexit จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มคะแนนเสียงให้ตนเพื่อให้สามารถดำเนินการแยกตัวได้ตามแนวทางของตน

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวานนี้ สหรัฐฯ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Non-Manufacturing PMI) ออกมาที่ 54.7 จุด ฟื้นตัวขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ 52.6 จุด ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.5 จุด และยังอยู่ในแดนขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (U.S. JOLTs Job Openings) สหรัฐฯ ประกาศออกมาที่ 7.024 ล้านตำแหน่ง ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 7.301 ล้านตำแหน่ง และน้อยกว่าคาดที่ 7.028 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 13 เดือน ขณะที่จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Caixin Services Manufacturing PMI) ออกมาที่ 51.1 จุด ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 51.3 และแย่กว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 52.8 จุด สะท้อนภาคการบริการที่ชะลอตัวลง

ภาวะตลาดวานนี้

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคมประกาศออกมาที่ 54.7 มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 53.5 ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones และ Nasdaq ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ด้านตลาดหุ้นยุโรปทำ New High ในรอบ 4 ปี จากผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่ง และตลาดเริ่มคลายกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัว
ตลาดน้ำมันปิดบวกจากข่าวที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เตรียมลดกำลังผลิตในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพราะประเทศคู่แข่งเริ่มผลิตน้ำมันมากขึ้น โดยกลุ่ม OPEC จะผลิตน้ำมันลดลงสู่ระดับ 32.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2567 จากระดับ 35 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ด้านตลาดทองคำปิดร่วงหลุดแนวรับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปแล้วจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดเริ่มคลายกังวล นักลงทุนจึงขายสินทรัพย์ปลอดภัยออกมาเข้าถือครองสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่า (Risk on)

สหรัฐฯ