รัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจแบนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ในช่วงนี้เพิ่มอีก 3 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีเหนือ ชาด และเวเนซุเอลา รวมกับประเทศที่ถูกแบนก่อนหน้านี้อีก 5 ประเทศที่ประกอบไปด้วย อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย และเยเมน
หลังจากที่มีการเปิดเผยการปรับเปลี่ยนมาตรการดังกล่าว ทรัมป์ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า “การทำให้สหรัฐฯ ปลอดภัยคือ สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก พวกเราจะไม่อนุญาตให้คนเหล่านี้เดินทางเข้าประเทศของเรา ถ้าเราไม่สามารถที่จะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนได้”
ทำเนียบขาวมองว่า แถลงการณ์เกี่ยวกับมาตรการนี้คือ ก้าวสำคัญในการผลักดันระบบตรวจสอบคนเข้าเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นผู้ลี้ภัยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าว ที่อาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของสหรัฐฯ ในยุคปัจจุบันที่ภัยอันตรายจากการก่อการร้ายและอาชญากรรมระหว่างประเทศขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ทรัมป์ยังชี้เเจงเพิ่มเติมในแถลงการณ์ครั้งนี้อีกว่า “พวกเราไม่สามารถที่จะดำเนินนโยบายที่ล้มเหลวนี้ต่อไปได้ เพราะมันจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอันตรายต่อประเทศของเราได้ ภาระหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของผมคือ การทำให้แน่ใจว่า ชาวอเมริกันทุกคนจะมั่นคงปลอดภัย”
ช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งประกาศใช้มาตรการแบนไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศมุสลิม 6 ประเทศซึ่งได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน และซูดาน เดินทางเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการยกเลิกการแบนซูดานในภายหลัง จากการประกาศเพิ่มประเทศอีก 3 ประเทศนี้ จากเดิมที่เป็นมาตรการสำหรับแบนกลุ่มคนมุสลิมนั้น ทำให้ขอบเขตของมาตรการนี้ควบรวมถึงประเทศอื่นๆ ที่มีทีท่าไม่เป็นมิตรและไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ อีกด้วย โดยจะประกาศเริ่มใช้มาตรการนี้อย่างจริงจังในวันที่ 18 ตุลาคมที่จะถึงนี้
Photo: Brendan Smialowski, EDUARDO MUNOZ ALVAREZ/AFP
อ้างอิง:
