สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในซีเรีย หลังความขัดแย้งตึงเครียดขึ้นจากเหตุการณ์ตุรกีส่งทหารบุกโจมตีที่มั่นชาวเคิร์ดในบริเวณชายแดนซีเรีย ซึ่งทำให้วิกฤตการอพยพในประเทศดังกล่าวเลวร้ายลงทุกขณะ
BBC รายงานว่ามีพลเรือนในซีเรียเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย นอกจากนี้ยังมีนักรบจากกลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียที่นำโดยชาวเคิร์ดและกลุ่มสนับสนุนตุรกีถูกสังหารเป็นจำนวนมาก ขณะที่สหประชาชาติระบุว่ามีพลเรือนหลายหมื่นคนที่พยายามอพยพหนีเหตุรุนแรงและหาที่ปลอดภัย
แถลงการณ์บนเว็บไซต์ UNHCR เรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปิดทางให้หน่วยงานต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
“พลเรือนหลายแสนคนในพื้นที่ทางเหนือของซีเรียกำลังตกอยู่ในอันตราย โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงพลเรือนจะต้องไม่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตี” ฟิลลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าว
นอกจากนี้ UNHCR ยังเน้นย้ำจุดยืนว่า การส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับซีเรียจะต้องเกิดจากความสมัครใจในยามที่บ้านเมืองปลอดภัยแล้ว โดยให้ผู้ลี้ภัยเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเดินทางกลับประเทศหรือไม่และเมื่อใด
ทั้งนี้ซีเรียติดหล่มสงครามกลางเมืองมายาวนาน 8 ปี และกำลังเผชิญวิกฤตผู้อพยพที่รุนแรงที่สุดในโลกขณะนี้ โดยสหประชาติประมาณการว่า มีชาวซีเรียที่อยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยในภูมิภาคมากถึง 5.6 ล้านคน ในจำนวนนี้ตุรกีเปิดรับเข้าพักพิงมากกว่า 3.6 ล้านคน ขณะที่ประชาชนอีกกว่า 6.2 ล้านคนถูกบีบให้ต้องอพยพย้ายออกจากที่อยู่อาศัยในประเทศ
สถานการณ์ล่าสุดในบริเวณชายแดนตุรกีและซีเรียยังคงตึงเครียด นับตั้งแต่ตุรกีเปิดฉากโจมตีที่มั่นของชาวเคิร์ดในซีเรียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่ ส.ส. พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายที่จะให้รัฐบาลคว่ำบาตรตุรกี
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอตัวเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างตุรกีกับชาวเคิร์ด
ภาพ: Getty, UNHCR
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: