การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เกิดปรากฏการณ์เสาไฟฟ้าโค่นในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เจ้าของพื้นที่เดิมรักษาที่นั่งได้ 22 คน ส่วนพรรคอื่นๆ ที่เข้ามาช่วงชิงเก้าอี้ไปได้คือพรรคพลังประชารัฐ 13 คน พรรคภูมิใจไทย 8 คน พรรคประชาชาติ 6 คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน
พรรคภูมิใจไทยคือพรรคที่เติบโตในพื้นที่ภาคใต้มากที่สุดพรรคหนึ่ง จากเดิมเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2554 ได้มา 1 ที่นั่งจากปัตตานี ขยับขึ้นมา 8 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2562
นาที รัชกิจประการ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสาเหตุที่พรรคภูมิใจไทยเลือกการลงพื้นที่คณะรัฐมนตรีสัญจรของพรรคที่จังหวัดพัทลุงว่า เพราะเป็นบ้านของแม่ทัพหญิงของพรรคภูมิใจไทย และยุทธศาสตร์ทั้งหมดเริ่มต้นที่นี่
เมื่อพรรคภูมิใจไทยได้มีทั้ง ส.ส. และรัฐมนตรีในส่วนของภาคใต้แล้ว ก็ต้องกลับมาที่เดิมเพื่อมาติดตามว่าที่รับปากไว้กับประชาชนนั้นจะทำอะไรบ้าง เพราะพรรคภูมิใจไทยมีถึง 7 กระทรวง จะเน้นเรื่องการลดอำนาจรัฐเพื่อปากท้องประชาชน โดยเฉพาะการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ทำให้จังหวัดพัทลุงให้เป็นที่รู้จัก ทั้งนี้ในช่วงของการหาเสียงได้ใช้บุรีรัมย์โมเดลเป็นหลักเพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม และวันนี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะได้ทั้ง ส.ส. เขตและ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง
นาทียืนยันอีกว่าหลังจากนี้พรรคภูมิใจไทยต้องขยายฐานเสียงในภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัดให้ได้ ตั้งเป้าการเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องได้ ส.ส. ในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มเป็น 16 คน หรือเพิ่มขึ้น 100%
เพราะพรรคมียุทธศาสตร์ร่วมกันเรื่องการท่องเที่ยว มีภูมิศาสตร์ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายที่จะสร้างรายได้ให้กับภาคใต้ พร้อมระบุอีกว่าไม่คิดจะแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่แข่งกับความเป็นอยู่ของประชาชนว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้ มีอาชีพ ยอมรับว่าเป็นความฝันของตนอยู่แล้วที่อยากได้ ส.ส. ยกจังหวัดพัทลุง หากได้ทั้ง 3 เขตก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้การพัฒนาไปด้วยกัน โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งน้ำต้องถึง ไฟต้องสว่าง วันนี้พรรคจะทำโครงข่ายเชื่อมต่อ 14 จังหวัดภาคใต้ ไม่มีใครอยากเป็นเมืองรอง
ดังนั้นจะทำอย่างไรให้เป็นเมืองหลักทุกจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดต้องหาจุดเด่นของจังหวัดตัวเอง ซึ่งสามารถร้อยเรียงเรื่องการท่องเที่ยวผ่านภูมิประเทศได้ การท่องเที่ยวต้องดึงวิถีเก่ากลับคืนมาให้เชื่อมต่อกันในทุกจังหวัดของภาคใต้
ส่วนกระแสภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทยถือว่าดีขึ้นหรือไม่นั้น คนที่จะเป็นผู้วัดผลก็คือประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ ที่จะตอบได้ว่าพรรคภูมิใจไทยมีความตั้งใจแค่ไหน ยอมรับว่ามีแนวคิดอยากให้เหมาทุกจังหวัดทั้งภาคใต้ ดังนั้นจึงต้องสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติของภาคใต้ที่ไม่แพ้ใคร เมื่อใดที่การท่องเที่ยวชุมชนสร้างมูลค่าเพิ่มได้จะทำให้ประชาชนคิดถึงพรรคภูมิใจไทย
“เวลานี้กล้าพูดได้ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่น้องใหม่ของภาคใต้ เพราะมีผลงานเป็นตัววัด ซึ่งตนเองทำงานมามากกว่า 14 ปี ย้ำว่าไม่เกรงกลัวพรรคฐานเสียงเดิม และอยากให้ทุกคนได้มีชีวิตที่อยู่สบาย” นาทีกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์