บางครั้งการเดินตามความฝันอย่างไร้คนที่เป็นต้นแบบ หรือ Role Model อาจทำให้เราไม่รู้เลยว่า ถนนที่เราคิดว่ามันเป็นทางตันนั้น ที่จริงแล้วมันยังมีทางแยกอื่นๆ ที่เราสามารถเลือกเดินหรือเลือกใช้เส้นทางอื่นๆ ได้ นอกเหนือจากทางที่เรามองเห็นอยู่ ไม่ต่างกันกับสิ่งที่หลายคนอาจเคยเข้าใจว่าการเรียนอาชีวศึกษาก็คงมีแต่วิชาช่าง ทั้งที่ในความเป็นจริงยังมีสายอาชีพอื่นอีกมากที่ผลิตบุคลากรคุณภาพออกมาให้เราได้เห็น และหนึ่งในนั้นก็คือ เชฟฮูโต๋-เชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์ เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ศิษย์เก่าจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา สาขาคหกรรมศาสตร์ วิชาเอกอาหารและโภชนาการ หนึ่งในเชฟรุ่นใหม่ผู้โด่งดังจากรายการ Top Chef Thailand ซึ่งเปี่ยมด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่หลากหลาย
จุดเริ่มต้นและเส้นทางที่ทำให้คุณกลายเป็นเชฟรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเป็นมาอย่างไร
ผมเติบโตขึ้นมาพร้อมกับคุณแม่ และครอบครัวทำธุรกิจร้านอาหาร มีวันหนึ่งที่เราเติบโตและได้รับรู้ปัญหาด้านการเงินของครอบครัว ซึ่งอาจทำให้ผมไม่ได้เรียนหนังสือต่อในระดับชั้นมัธยมปลาย เวลานั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่สับสนมากๆ แต่อาจารย์แนะแนวของโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ในขณะนั้นแนะนำว่าให้เลือกเรียนสายอาชีวศึกษา เพราะสามารถทำงานและเรียนควบคู่กันไปได้ เมื่อได้เข้าอบรมกับกลุ่มงานแนะแนวเพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการประกอบอาชีพ ก็หาได้ไม่ยากเลย เพราะสิ่งที่เราทำได้และคลุกคลีกับมันมาตลอดก็คือ ‘การทำอาหาร’
เมื่อเริ่มเข้าเรียน ผมหาค่าใช้จ่ายให้ตัวเองด้วยการรับจ้างทำงานร้านอาหารหลังเลิกเรียนทุกวัน ผมได้สร้างสังคมใหม่ๆ ที่กลายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างที่รายล้อมอยู่ในสังคม รวมถึงการสร้างมิตรภาพและความสุขที่ได้รู้ว่า ผมก็มีศักยภาพมากพอที่จะเรียนหนังสือไปพร้อมกับเรียนรู้ชีวิตได้ รู้ตัวอีกทีผมก็เรียนจบปริญญาโทโดยไม่รู้สึกว่าช่วงเวลาไหนของชีวิตนั้นสูญเปล่าเลย
การเลือกเรียนอาชีวะทำให้ผมเข้าใจปัญหาและมองเห็นอะไรได้กว้างกว่าคนที่เรียนจบใหม่และเพิ่งเริ่มทำงานจริงจัง พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ แต่อาจไม่สามารถมองเห็นปัญหาที่ไกลเกินกว่าที่ระบบการศึกษาขีดไว้ได้ ในขณะที่การเรียนอาชีวะทำให้ผมเจอปัญหาเหล่านั้นมาก่อน และบ่อยครั้งที่การแก้ปัญหาไม่ต้องเริ่มด้วยการเจอปัญหากับตัวเอง บางครั้งแค่มองเห็นก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งเหล่านี้เกิดจากการได้เรียนรู้เร็วจากการเลือกเรียนสายอาชีพ
ช่วยอธิบายถึงปรัชญา แนวทาง และแพสชันในการทำอาหารของคุณให้เราฟังที
มีวันหนึ่งที่เชฟซึ่งผมยกให้เป็นไอดอลพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าเชฟอาหารไทยดังระดับโลกเยอะมาก” แต่เขายังไม่เคยเห็นเชฟอาหารไทยที่ดังถึงระดับนั้นซึ่งเป็นคนไทยเลยสักคนเดียว คำพูดนี้เป็นแรงผลักที่ทำให้ผมอยากรู้ว่าเหตุผลคืออะไร คำตอบแรกก็คือ คนไทยให้ค่าอาหารไทยในราคาถูก ทั้งที่จริงแล้วความพิถีพิถันในการปรุงนั้นยากกว่าอาหารตะวันตกมาก รวมถึงการนำเสนออาหารไทยที่ไม่ละเมียด เพียงแค่เสิร์ฟแกงกับข้าวสวยเท่านั้นก็จบ ผมเลยพยายามทำให้ทันสมัยขึ้นด้วยการจัดเป็นชุดและเสิร์ฟแบบสมัยก่อน นำอาหารไทยมาทำใหม่ให้มีคุณค่าและหลากหลาย ผมสนุกกับมันโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดแบบไหน แต่ผมพูดกับตัวเองได้เต็มปากอย่างภูมิใจว่าผมคือเชฟอาหารไทย
การเป็นเชฟมืออาชีพต่างจากที่คิดไหม และระหว่างทางเจออุปสรรคอย่างไรบ้าง
ต่างจากที่คิดไว้มาก ผมเชื่อว่าทุกอาชีพต่างจากสิ่งที่คิดที่ฝัน เราไม่มีทางเข้าใจนอกจากจะได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ส่วนอุปสรรคช่วงแรกๆ ก็คือตัวผม เพราะผมเคยดูถูกตัวเองว่ามีศักยภาพในการทำงานที่จำกัด คิดว่าต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ถอยหลังไม่ได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่เรารับรู้ถึงปัญหาและพยายามแก้ไข ทางออกมีให้เราอยู่เสมอ ประสบการณ์สอนให้ผมคิดได้ว่า เราจะเหยียดหยามตัวเองด้วยการเดินหน้าเพียงอย่างเดียวทำไม ในเมื่อการถอยหลังก็ทำให้มีความสุขได้เหมือนกัน
เมื่อเราถามถึงประสบการณ์ที่สร้างความภูมิใจให้ชีวิต เชฟฮูโต๋เล่าว่า ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสถวายพระกระยาหารแก่พระมารดา พระเชษฐภาดา (พี่เขย) และพระราชนัดดา (หลานสาว) ของกษัตริย์จิกมี แห่งประเทศภูฏาน โอกาสนี้เกิดจากลูกค้าผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่แวะเวียนมาบ่อยๆ สมัยเชฟฮูโต๋ทำงานที่โรงแรมย่านสยาม จนวันที่ออกมาเปิดร้านอาหารเอง และลูกค้าท่านนั้นตามมาหาพร้อมคำถามว่า “เป็นไปได้ไหมหากจะปิดร้านสัก 7 วัน” เพื่อให้เขาพาเพื่อนมารับรอง ในตอนนั้นเชฟฮูโต๋ไม่ทราบเลยว่าแขกคือใคร ก่อนจะได้รับคำเฉลยล่วงหน้าเพียง 7 วันเท่านั้น เหตุการณ์ที่ได้ปรุงอาหารเสิร์ฟราชวงศ์จากประเทศภูฏานจึงเป็นเหตุการณ์ที่เชฟฮูโต๋รู้สึกประทับใจที่สุดในชีวิต
จากการที่มูลนิธิเอสซีจีมีส่วนสำคัญในชีวิตของนักเรียนหลายคน รู้สึกอย่างไรที่องค์กรเช่นนี้มองเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนการเรียนอาชีวะ
ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครพูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จจากงานด้านบริการ ด้านเชฟ หรือช่างฝีมือ เพราะฉะนั้นการมีรุ่นพี่ที่จบอาชีวะและทำงานประกอบอาชีพได้จริงจากการเรียนอาชีวะมาเป็นต้นแบบให้น้องๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่มูลนิธิเอสซีจีพยายามทำมาโดยตลอด เพื่อให้น้องๆ เห็นตัวอย่างที่จับต้องได้จริงๆ และตลอดระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา โครงการอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ที่มูลนิธิเอสซีจีได้วางรากฐานไว้ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครทำได้ต่อเนื่องจริงจังได้เท่านี้ มูลนิธิให้การสนับสนุนนักเรียนที่สนใจเรียนอาชีวศึกษา โดยมอบทุนการศึกษาในสายช่างอุตสาหกรรม สายบริการ และเกษตรกรรม ซึ่งล้วนเป็นสาขาวิชาที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ นอกจากนี้มูลนิธิยังพยายามทำให้สังคมได้เห็นมุมมองที่หลากหลายของการเรียนสายอาชีพมากขึ้น ผ่านหนังสั้นเรื่อง ชงด้วยเลิฟ เสิร์ฟด้วยรัก ที่เล่าเกี่ยวกับความพยายามของนักเรียนอาชีวะสายบริการที่มีฝันอยากเป็นบาริสต้า และมีเรื่องราวความรักแบบวัยรุ่นผสมเข้ามาในหนังให้ดูแล้วสนุกมากขึ้นไปอีก ผมคิดว่าหนังสั้นเรื่องนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จของคนคนหนึ่งไม่ได้เกิดจากการมีครูที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่การมีความพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้นที่จะช่วยให้เราไปได้ไกลกว่าคนอื่น และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนและเป็นที่จดจำ
ผมอยากให้ทุกคนดูหนังสั้นเรื่องนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างบทเรียนที่ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังให้มุมมองใหม่ๆ กับวัยรุ่นในยุคปัจจุบันที่มีความต้องการอยากไปถึงจุดสูงสุดของความฝันให้เร็วที่สุดไม่ต่างจากชีวิตผม ดังนั้นอยากให้น้องๆ พยายามหาตัวเองให้เจอ แต่หากไม่เจอในตอนนี้ก็อย่าเพิ่งท้อกับอุปสรรค และจำไว้เสมอว่าเราต้องก้าวไปให้ไกลกว่าจุดที่เป็นอยู่ ไม่ว่าโอกาสที่เข้ามาจะพาเราเดินหน้าหรือถอยหลังก็ตาม
สิ่งที่อยากบอกกับรุ่นน้อง เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังออกมาเผชิญโลกหรือกำลังเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองอยู่
ผมเชื่อว่าทุกคนมีความฝัน แต่การจะไปถึงความฝันได้ต้องใช้ความอดทน ความพยายาม และการฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด และเมื่อวันหนึ่งโอกาสมาถึง เราจะได้เป็นผู้ถูกเลือก อยากให้น้องๆ ลงมือทำในสิ่งที่ทำได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อหาคำตอบให้ตัวเองว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เราอยากทำหรืออยากเป็นจริงๆ ในอนาคต ที่สำคัญคืออย่าดูถูกตัวเองว่าทำไม่ได้ หรือจะไม่ประสบความสำเร็จ สร้างทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและต่อคนรอบข้างเข้าไว้ แล้ววันหนึ่งเมื่อโอกาสเข้ามาก็อย่าลังเลที่จะลงมือทำตามความฝันให้สำเร็จ
“การประสบความสำเร็จใครๆ ก็ทำได้
แต่ใครจะทำได้อย่างยั่งยืน เป็นที่จดจำ และไปได้ไกลนั้น
ขึ้นอยู่กับความพยายามและความสร้างสรรค์”
สุดท้ายนี้เชฟฮูโต๋ฝากไว้อีกว่า การหาเอกลักษณ์และตัวตนของผลงานที่เราทำ เป็นสิ่งสำคัญกับยุคสมัยปัจจุบันมากๆ ถ้าหากเราหาเจอ โอกาสดีๆ ก็จะเข้ามามากมาย ความพยายามไม่มีคำว่าถูกหรือผิด แต่การจะทำให้ความพยายามนั้นพิเศษและแตกต่างจากคนอื่นได้ต้องเกิดจากทักษะฝีมือผสมกับความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า