เปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอยเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (8 ส.ค.) ตามเวลาประเทศไทย สำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของซัมซุงอย่าง ‘กาแลคซี่ โน้ต 10 (Samsung Galaxy Note10)’ ที่ยังคงมาพร้อมกับปากกาคู่ใจอย่าง S Pen เช่นเคย แต่ความพิเศษคือ คราวนี้ซัมซุงได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน ด้วยการเปิดตัว Galaxy Note10 ออกมาพร้อมกันถึง 2 โมเดล ทั้ง Note10 และ Note10+
ส่วนรายละเอียดต่างๆ ไฮไลต์เด็ดและความน่าสนใจของ Galaxy Note10 มีอะไรบ้าง THE STANDARD ได้สรุปเอาไว้ให้แล้ว
Galaxy Note10 และ Galaxy Note10+ สองดีไซน์ความต่างของสมาร์ทโฟนทรงพลัง
ตามที่เราได้เกริ่นไปแล้วในตอนต้นว่า ครั้งนี้ซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy Note พร้อมกันถึง 2 โมเดล เพื่อเพิ่มทางเลือกความชื่นชอบด้านขนาดหน้าจอและขนาดตัวเครื่องให้กับผู้ใช้เป็นครั้งแรก คือ
– Galaxy Note10: จอ Dynamic AMOLED Infinity-O Display ขนาด 6.3 นิ้ว FHD+ (ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล (401ppi)), รองรับมาตรฐานการแสดงผล HDR10+ / ขนาดตัวเครื่อง 71.8 x 151.0 x 7.9 มม., หนัก 168 กรัม
– Galaxy Note10+: จอ Dynamic AMOLED Infinity-O Display ขนาด 6.8 นิ้ว Quad HD+ (ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล (498ppi)), รองรับมาตรฐานการแสดงผล HDR10+ / ขนาดตัวเครื่อง 77.2 x 162.3 x 7.9 มม., หนัก 198 กรัม
เรียกได้ว่าครั้งนี้ซัมซุงเอาใจผู้ใช้งานครอบคลุมความชื่นชอบและความถนัดที่หลากหลายกันเต็มท่ี ส่วนข้อมูลความต่างอื่นๆ ของทั้ง Galaxy Note10 และ Galaxy Note10+ มีดังนี้
– กล้อง: Galaxy Note10 มีกล้องหลัง 3 ตัว (เลนส์ Ultra Wide 16MP, เลนส์ Wide-Angle 12MP และเลนส์ Telephoto 12MP) ส่วน Galaxy Note10+ มีกล้องหลัง 4 ตัว เพิ่มเลนส์ DepthVision Camera (VGA) เข้ามาอีกตัว ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 10MP เท่ากัน
– หน่วยความจำ: Galaxy Note10+ มาพร้อมกับแรม 12GB ความจุที่ 256GB และ 512GB รองรับ Micro SD Card สูงสุด 1TB / Galaxy Note10 มาพร้อมกับแรม 8GB ความจุที่ 256GB (ไม่รองรับ Micro SD Card)
– แบตเตอรี่: Galaxy Note10+ (4,300 mAh) และ Galaxy Note10 (3,500 mAh) รองรับการชาร์จเร็ว Super Fast Charge สูงสุด 45W และการชาร์จแบบไร้สาย แถมยังใช้งานฟีเจอร์ Wireless PowerShare ชาร์จแบบไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับระบบ Qi Charge ได้อีกด้วย
ดีไซน์หน้าจอแบบไร้ขอบ แสดงผลเต็มตาเต็มอารมณ์ รองรับปลดล็อกด้วยใบหน้าและนิ้วมือ
Galaxy Note10 ใช้ดีไซน์การออกแบบหน้าจอไร้ขอบ (Edge-to-Edge) แบบ Cinematic Infinity Display แถมลดขนาดของกล้องหน้า Hole Punch ที่ปรับตำแหน่งมาอยู่บริเวณกึ่งกลางหน้าจอด้านบนให้เล็กลง เพื่อให้สามารถแสดงผลได้เต็มตาเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยขนาดหน้าจอที่ 6.8 นิ้ว ใน Note10+ ถือเป็นไซส์หน้าจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยทำมาก่อนในโมเดลโน้ต (ใหญ่กว่า Note9 ถึง 0.4 นิ้ว)
นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้า รวมถึงเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic ที่ฝังไว้ใต้หน้าจอเหมือนกับ Galaxy S10
S Pen ปากกาอัจฉริยะหรือ ‘ไม้กายสิทธิ์!’ พร้อมฟีเจอร์ Air Actions สั่งการบนอากาศ
ปากกา S Pen ถือเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญและกลายเป็น Signature ประจำสมาร์ทโฟนตระกูลโน้ตไปแล้ว โดยความเจ๋งของ S Pen ที่ถูกพัฒนาใน Galaxy Note10 คือความสามารถในการทำงานได้หลากหลายและอัจฉริยะกว่า S Pen รุ่นก่อนๆ โดยเฉพาะไฮไลต์เด็ดอย่าง Air Actions ซึ่งทำให้เราสามารถควบคุมการใช้งานหรือสั่งการต่างๆ ได้ด้วยการวาดมือในอากาศ หรือเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการโดยไม่ต้องใช้ปากกาสัมผัสกับหน้าจออีกต่อไป (ควบคุมการทำงานด้วยเซนเซอร์ Gyro แบบ 6 ทิศทาง)
ตัวอย่างการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนการแสดงภาพในอัลบั้มโดยใช้ปากกาวาดไปทางซ้ายหรือขวา (เหมือนใช้นิ้วปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อดูภาพถ่ายต่างๆ ในอัลบั้ม)
ส่วนอีกหนึ่งฟีเจอร์สุดเจ๋งคือ การเปลี่ยนลายมือที่เราใช้ S Pen จดข้อความๆ ต่างบนหน้าจอให้กลายเป็นข้อความแบบตัวอักษรได้ทันที เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานผ่านเทคโนโลยี Deep Learning ที่ให้ความแม่นยำในการแปลงภาพลายมือเป็นตัวอักษรที่สูง ขณะที่การจดแบบเร็วในขณะที่หน้าจอดับหรือ Screen Off Memo ก็ถูกเพิ่มฟีเจอร์ให้รองรับสีและรูปแบบที่หลากหลายมากกว่าเดิม
กล้องสุดโหดเพิ่มเลนส์ Ultra Wide ถ่ายวิดีโอกันสั่นและ Live Focus
กล้องถ่ายรูปและวิดีโอคืออีกหนึ่งหมัดน็อกที่ซัมซุงอัปเกรดให้การใช้งานใน Galaxy Note10 ครบเครื่องและดุดันมากกว่ารุ่นก่อนๆ โดยเฉพาะการเพิ่มเลนส์ Ultra Wide เข้ามา เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพเก็บรายละเอียดของเลนส์มุมกว้างได้ดีมากยิ่งขึ้น และ Night Mode ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพกลางคืนในที่แสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม
เช่นเดียวกับการถ่ายวิดีโอที่ตอนนี้กล้องเลนส์ DepthVision ใน Note10+ จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Live Focus ปรับความชัดลึกของวิดีโอให้เกิดโบเก้ได้แล้ว อีกจุดหนึ่งที่จะลืมพูดถึงไม่ได้เลยคือ ฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอกันสั่น ‘Super Steady’ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ่ายวิดีโอโดยไม่ต้องมานั่งกังวัลใจกับความมือสั่นของตัวเองอีกต่อไป ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้เหมาะและน่าจะเข้าทางกลุ่มผู้ใช้งานอินฟลูเอนเซอร์หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในปัจจุบันมากๆ
ในช่วงสาธิตการใช้งานจริงระหว่างงาน Unpacked อีกหนึ่งความสามารถของ DepthVision คือการสแกนวัตถุต่างๆ ที่ปรากฏในกล้องให้เปลี่ยนเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยี 3D Scanner ได้ด้วย ขณะที่เจ้าปากกา S Pen ก็ยังสามารถนำมาวาดกราฟิกหรือภาพวาดต่างๆ แล้วแสดงผลในกล้องถ่ายรูปด้วยเทคโนโลยี AR Doodle ได้อีก เรียกว่าล้ำสุดๆ!
ต้อนรับสีใหม่ ‘Aura Pink’ ตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ออก แต่ยังเน้นประสิทธิภาพเอาใจเกมเมอร์เช่นเคย
และแล้ว Galaxy Note10 ก็มากับดีไซน์สีใหม่ที่ทุกคนรอคอยอย่าง ชมพู Aura Pink (มีเฉพาะรุ่น Note10 เท่านั้น) ตามข่าวลือก่อนหน้านี้จริงๆ โดยคราวนี้ดีไซน์สีเครื่องใน Note10 มีด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Aura Glow, Aura Black, Aura Pink และ Aura White (เฉพาะรุ่น Note10+) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนดีไซน์สีใหม่หมดจากรุ่นก่อน
ขณะที่ความดีความชอบที่ทำให้ขนาดตัวเครื่อง Note10 บางลงนั้นอยู่ที่การตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ออก แล้วเปลี่ยนมาใช้ช่องเสียบหูฟังแบบ USB-C แทน
ส่วนประสิทธิภาพด้านเกมมิง Note10 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ที่มีขนาดบางที่สุดในโลก ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น และยังมาพร้อมกับระบบสตรีมมิงเกมจากพีซีผ่าน PlayGalaxy
สนนราคาวางจำหน่ายสำหรับ Galaxy Note10 อยู่ที่ 949 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 29,200 บาท และ Note10+ อยู่ที่ 1,099 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 33,900 บาท (รอประกาศราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการจากซัมซุงอีกที) เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 23 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนในประเทศไทย ถ้าจองเครื่องในแคมเปญ ‘กล้ามั้ย! จองก่อนเปิดตัว’ ก็จะเป็นผู้ใช้งานกลุ่มแรกของโลกที่ได้รับเครื่องในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ (อีกความพิเศษคือ Note10 และ Note10+ จะวางจำหน่ายในโมเดล 5G ด้วย)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล