ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในสมัย พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก อธิบายการแบ่งเกรดกระทรวง A B C ว่าแบ่งกันอย่างไร และเหตุใดในบางกระทรวงแม้งบประมาณในแต่ละปีจะไม่มากแต่จัดเป็นกระทรวงเกรด A รวมถึงเบื้องหลังการทาบทาม และจัดทำโผคณะรัฐมนตรีในยุคต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
สวัสดีวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2562 ครับ
ผมหายไปตั้งแต่เลือกตั้งเสร็จ 24 มี.ค. 62 เฝ้าดูเหตุการณ์ทางการเมือง ว่าจะออกมาตามโมเดลอะไร ตอนนี้ชัดแล้วครับ ประยุทธ์โมเดล คือใช้เสียง ส.ว. เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแตกต่างจากโมเดลอื่นๆ
แล้ววันนี้มาถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งในทางการเมืองถือว่าสำคัญที่สุด เพราะการเมืองเป็นเรื่องของการให้ได้มา การรักษา และการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งผู้ใช้อำนาจนอกจากนายกรัฐมนตรีก็คือ รัฐมนตรี
ผมมีประสบการณ์อยู่บ้าง จะเล่าให้ฟังคือ ถ้าท่านใดแปลกใจ ไม่เข้าใจ จะได้เข้าใจ และไม่แปลกใจ ว่าเขาโต้แย้ง แย่งชิงอะไรกัน
เกณฑ์การเป็นรัฐมนตรีมาจากจำนวน ส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งมี ส.ส. มาก ยิ่งได้ตำแหน่งมาก และได้กระทรวงเกรดสูง เอาจำนวนและตำแหน่งก่อน ความเหมาะสมของตัวบุคคลว่ากันภายหลัง
จำนวน ส.ส. 6-7 คน ต่อหนึ่งรัฐมนตรี สูตรเลขคณิตคิดง่ายๆ คือเอาตำแหน่ง ครม. ที่มี ไปหารจำนวน ส.ส. ของฝั่งรัฐบาล นักการเมืองเขายึดสูตรนี้อย่างฝังจิต ใครจะไปโต้แย้งอย่างไร ก็ไร้ผล
เกรดของกระทรวงแบ่งเป็น A B และ C บางคนบอกถึง D การแบ่งเป็นตามอำนาจการอนุมัติการขออนุญาต และขนาดของงบประมาณของกระทรวงนั้น ไม่ใช่ความสำคัญของงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม ถือเป็นเกรด A เพราะอำนาจการอนุมัติมีค่าสูงมาก โดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม มีทั้งอำนาจการอนุมัติ และงบประมาณสูง กระทรวงเกษตรฯ ก็เกรดสูง แต่กระทรวงต่างประเทศถึงจะสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ แต่ไม่มีอำนาจอนุมัติใดๆ แม้แต่ Passport ก็จ้าง Outsource จึงจัดเป็นเกรด B ถึง C ไม่มีใครแย่งอยากเป็น
เมื่อเกณฑ์การเมืองเป็นเช่นนี้ เกมการเมืองก็เป็นเช่นนั้น ผมมีประสบการณ์สามครั้ง
ครั้งแรก ปี 2535 เลือกตั้งเดือนกันยายน พรรค ปชป. มาที่หนึ่ง คุณชวนจัดตั้งรัฐบาล พรรคความหวังใหม่โดย พล.อ. ชวลิต เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ท่านเชิญ ดร.อำนวย และผม เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีในโควต้าพรรคความหวังใหม่ เสนอให้ผมเป็น รมช.อุตสาหกรรม เรื่องเดินไปจนใกล้จบ ผมกับ ดร.อำนวย กลับจากประชุมที่ซานฟรานซิสโก มาถึงสนามบินดอนเมือง ผู้บริหารพรรคความหวังใหม่ นำเอกสารการเข้าร่วมรัฐบาลมายื่นให้ถึงบริเวณผู้โดยสารขาเข้า เพื่อจัดการเตรียมตัวให้พร้อม รวมหมายกำหนดการโปรดเกล้าฯ การเข้าเฝ้าถวายสัตย์ โดยผมไม่ได้คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
สองสามวันต่อมา ผมพบคุณชวน ว่าที่นายกรัฐมนตรีในงานหนึ่ง ท่านกล่าวแสดงความยินดี แต่ก็กล่าวทิ้งท้ายว่า พล.อ. ชวลิต กล้าหาญมากที่เชิญคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ถึงสองคนเข้าร่วมรัฐบาล ผมขอบคุณท่านโดยไม่ได้เฉลียวใจอะไร
แล้วก็เกิดเหตุจริงๆ วันที่ผมมีนัดจะไปลองชุดขาว เพื่อแต่งตัวตอนเข้าเฝ้า พล.อ. ชวลิต โทรมาหาผมโดยตรง แล้วบอกว่า “เขาไม่ยอม” ความหมายคือกลุ่ม ส.ส. กลุ่มหนึ่ง นำโดย เกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ ส.ส. อุดรธานี จัดชุมนุมประท้วงกันที่โรงแรมราชศุภมิตร หลานหลวง (ปัจจุบันคือโรงแรมปริ๊นเซส) จนผมต้องขอถอนตัว พล.อ. ชวลิต เปลี่ยนชื่อผมในตำแหน่ง รมช.อุตสาหกรรม เป็นท่าน ส.ส. เกียรติชัย การประท้วงจึงสงบลง
ท่านหัวหน้าพรรคทั้งหลาย ตรวจแถวกำลังพล ส.ส. ของท่านให้ดีนะครับ ระวังจะเกิดการประท้วง เมื่อโผของพรรคออกมา
ครั้งที่สอง เลือกตั้งปี 2538 ผมช่วยพรรคนำไทย โดย ดร.อำนวย วีรวรรณ เต็มที่ แต่ไม่ได้สมัคร ส.ส. เพราะมนุษย์สายวิชาการอย่างผม ประชาชนมักไม่เลือกเป็นผู้แทนเขต ฝรั่งเรียก Non-electable พรรคชาติไทยโดยบรรหาร ศิลปอาชา ชนะได้เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล เชิญพรรคนำไทยเข้าร่วม แต่พรรคนำไทย ซึ่งหาเสียงเกือบตาย ได้ ส.ส. แค่ 18 คน และได้จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีเพียงสองตำแหน่ง คือ ดร.อำนวย วีรวรรณ และ พล.ต. ศรชัย มนตริวัต ส่วนผมไม่ได้เป็น ส.ส. ช่วยพรรคมากแค่ไหน ก็ไม่มีความหมาย สาย ส.ส. เขาเรียกพวกข้าวนอกนา
พรรคพลังประชารัฐมีข้าวนอกนาสำคัญ 4 คน สื่อเรียกสี่กุมาร ถึงมีข่าวลือตอนนี้ว่า อาจไม่ได้เป็นรัฐมนตรีครบสี่คน
ครั้งที่สาม เลือกตั้งปี 2539 พรรคความหวังใหม่ชนะ ได้ ส.ส. 125 คน มากกว่าพรรค ปชป. ที่ได้ ส.ส. 123 คน ตามประเพณีปฏิบัติ พรรค ปชป. ก็ให้พรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล พล.อ. ชวลิต เชิญ ดร.อำนวย จัดทีมเศรษฐกิจเข้าเป็น ครม. เพราะตอนหาเสียง พรรคความหวังใหม่ บอกว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะมี Dream Team ทางเศรษฐกิจ นำโดย ดร.อำนวย วีรวรรณ โดยท่านให้ 4 ตำแหน่ง ทำให้ท่านไม่เชิญพรรคชาติไทยของบรรหารเข้าร่วมรัฐบาล เพราะถ้าเชิญก็ต้องจัดตำแหน่งรัฐมนตรีให้ตามโควต้า พล.อ. ชวลิต เชิญพรรคชาติพัฒนา โดย พล.อ. ชาติชาย เข้าร่วม พรรคชาติพัฒนามี ส.ส. 52 คน ได้จัดสรรไป 9 ตำแหน่ง รวมพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ได้เป็น รมช.ต่างประเทศ
หลังจากตกลงกันด้วยวาจา ระหว่าง พล.อ. ชวลิต และ ดร.อำนวย เรื่องรัฐมนตรี 4 ตำแหน่งแล้ว คือ ดร.อำนวย จะอยู่กระทรวงการคลัง วิโรจน์ ภู่ตระกูล จะอยู่กระทรวงพาณิชย์ และสมภพ อมาตยกุล จะเป็น รมช.อุตสาหกรรม ส่วนผมจะไปช่วย ดร.อำนวย ที่กระทรวงการคลัง แต่พอต้องตัดสินกันตอนสุดท้าย มีพรรคร่วมไม่ยอมอีก หาว่าข้าวนอกนามากไป ดร.อำนวยต้องลดหนึ่งคน วิโรจน์ ขอถอนตัว เพราะจริงๆ ท่านก็ไม่ได้อาสาจะมาว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเลยถูกโยกไปเป็น รมว.กระทรวงพาณิชย์
เห็นไหมครับ โผทั้งหลายที่ว่าลงตัว ยังจะไม่ลงจนวินาทีสุดท้ายครับ และคนที่จะพูดสุดท้ายจริงๆ ก็คือ ว่าที่นายกรัฐมนตรี เพราะท่านต้องเป็นผู้ลงนามในรายชื่อ ที่จะต้องนำเสนอกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เรื่องนี้ ผมก็ยืนยันได้จากประสบการณ์ล่าสุด ตอน ครม. พล.อ. ประยุทธ์-1 ปี 2557 นี้เอง ตอนแรกมีคน ‘วงใน’ ติดต่อมา ว่าท่านนายกฯ จะเชิญให้ผมเป็น รมว.กระทรวงหนึ่ง ขอไม่บอกชื่อกระทรวง ไม่ใช่กระทรวงพลังงาน ถามว่าผมจะรับไหม ผมก็ตอบรับไป อีกสัปดาห์หนึ่งต่อมา มีสายต่อเข้ามาว่าท่าน พล.อ. ประยุทธ์ ขอพูดด้วย แล้วท่านก็เสนอให้ไปว่าการกระทรวงพลังงาน ผมจึงทราบตอนนั้นว่า นั่นคือโผจริง
เพราะฉะนั้น ทุกท่านที่มีการติดต่อกันก่อนหน้านี้ อย่าไปซีเรียสมากนะครับ ท่านจะรู้โผจริงตอนที่ท่าน นรม. ตัวจริง แจ้งมาครับ
ท่านประชาชนที่เชียร์ใคร ก็เตรียมทำใจด้วยนะครับ
และถึงแม้จบแล้ว แต่ถ้าพรรคร่วมยังไม่พอใจ ก็จะก่อกระแสคลื่นใต้น้ำ สร้างความปั่นป่วนให้รัฐบาล ตอนรัฐบาล พล.อ. ชวลิต พรรคชาติพัฒนายังไม่พอใจ พล.อ. ชวลิต ต้องพบทำความเข้าใจกับ พล.อ. ชาติชาย ตลอดเวลา สุดท้ายเดือนตุลาคม 2540 มีการปรับ ครม. พรรคชาติพัฒนาส่ง ดร.สม จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็น รมว.พาณิชย์ แทนผม และหลังจากนั้นไม่นาน พล.อ. ชวลิต ยอมลาออก เพื่อจะให้พรรคชาติพัฒนาจัดรัฐบาลใหม่ แต่พรรค ปชป. โดย เสธ.หนั่น พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ไวกว่า ไปเอา ส.ส. 12 คน จากพรรคประชากรไทยของสมัคร สุนทรเวช มาโหวตให้พรรค ปชป. โดยให้ตำแหน่ง ส.ส. 12 คน ถึง 6 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรี 3 และเลขาฯ อีก 3 เกิดตำนานที่สมัครเรียกว่า ‘งูเห่า’ พรรค ปชป. ได้เป็นรัฐบาล มีชวนเป็นนายกรัฐมนตรี เรียกว่ารัฐบาลชวน 2
บทเรียนเหล่านี้ รัฐบาลประยุทธ์ 2 คงต้องเอามาใช้ประโยชน์นะครับ
ปัญหาการเมืองแบบนี้ เหล่านี้ ทำให้รัฐธรรมนูญ 2540 ออกแบบเพื่อให้มีรัฐบาลเสียงข้างมากอย่างแท้จริง จะได้คุม ส.ส. ได้ และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ก็เป็นปาร์ตี้ลิสต์จริง เพื่อความเหมาะสมของผู้ที่ไม่เหมาะเป็น ส.ส. เขต แต่รัฐธรรมนูญ 2560 เปลี่ยนรูปหมด การเมืองต่อไปก็จะมีปัญหาการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลแบบการเมืองตอนนี้แหละครับ
สวัสดีครับ
Photo: เฟซบุ๊ก ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: