นาปอย ป่าแส แม่ของชัยภูมิ ป่าแส ชาวชาติพันธุ์ลาหู่ เยาวชนนักกิจกรรมทางสังคม และอะหมี่มะ แซ่หมู่ แม่ของอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู สองหญิงชราจากชนชาวชาติพันธุ์ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกองทัพบก หลังจากต้องสูญเสียลูกชายผู้เป็นเสาหลักของทั้งสองครอบครัวจากเหตุการณ์ ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ นักกิจกรรมชาวลาหู่ และอะเบ แซ่หมู่ ชาวไทยภูเขาเผ่าลีซู เนื่องจากทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม โดยอ้างว่าทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และขัดขืนการจับกุม พยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมเรียกร้องให้เปิดหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ
รัษฎา มนูรัษฎา ทนายความ เปิดเผยว่า ทั้งสองคดีห่างกันเพียง 1 เดือน ซึ่งทางกองทัพบกต้องชดใช้เยียวยาค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองคน ซึ่งทางครอบครัวของชัยภูมิได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ส่วนครอบครัวของอะเบ เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท ขณะที่การดำเนินคดีอาญา ตำรวจต้องรับมอบสำนวนการไต่สวนการตายจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่มีคำสั่งแล้ว เพื่อส่งอัยการศาลทหารยื่นฟ้องคดีต่อศาลทหารตามขั้นตอนต่อไป แต่ยอมรับว่ากฎหมายเกี่ยวกับศาลทหาร ปิดช่องให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเข้าไปมีส่วนร่วมฟ้องคดีกับอัยการทหาร จึงหวังว่าผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี นอกจากนี้ทนายความยังเห็นว่า มีอีกหลายคดีที่กองทัพบก มอบอาวุธปืนที่มีความร้ายแรงให้พลทหาร ที่ถือว่าเป็นทหารชั้นผู้น้อยที่ขาดวุฒิภาวะ จึงนำไปสู่การสูญเสีย และเป็นคดีความอยู่หลายคดี
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งไต่สวนการเสียชีวิตของอะเบ โดยมีคำสั่งว่า อะเบเสียชีวิตที่บริเวณเส้นทางดินลูกรังระหว่างหมู่บ้านรินหลวงและหมู่บ้านป่าบงงาม เพราะถูกพลทหาร ชนวีย์ ขำเอนก ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิง กระสุนปืนทำให้อะเบถึงแก่ความตาย ส่วนคดีของชัยภูมิ ศาลมีคำสั่งว่า ชัยภูมิเสียชีวิตที่ด่านบ้านรินหลวง เพราะถูกพลทหาร สุรศักดิ์ รัตนวรรณ ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิง กระสุนปืนทำให้ชัยภูมิถึงแก่ความตาย โดยทั้งสองคดีการไต่สวนการเสียชีวิตไม่ได้ตัดสิทธิการฟ้องคดีแพ่ง ขณะที่ครอบครัวของอะเบ และชัยภูมิ ติดใจในสาเหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย และเชื่อว่าการที่บุตรชายถูกฆาตกรรมโดยทหาร เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์