‘ความภูมิใจ’ เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่หากยึดถืออย่างพอเหมาะ จะหมายถึงรางวัลอันหอมหวานจากการพยายามทำบางสิ่งบางอย่างจนสำเร็จ แต่หากยึดติดกับคำนี้มากเกินไป ความภูมิใจก็อาจแปรสภาพเป็นสิ่งกีดขวางมุมมองและวิสัยทัศน์ให้แคบลง
เช่นเดียวกับ บาคุโก คัตสึกิ หรือคัตจัง ฮีโร่หนุ่มเลือดร้อนจากมังงะเรื่อง My Hero Academia ที่มี ‘อัตลักษณ์’ (คำเรียกพลังพิเศษในเรื่อง) แข็งแกร่ง และสัญชาตญาณการต่อสู้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร แต่ดวงตากลับมืดบอดเพราะความทะนงตัว
บาคุโก ถูกแนะนำให้รู้จักเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่ 1 ในฐานะเพื่อนสมัยเด็กของตัวเอก มิโดริยะ อิซึคุ เขาคือเด็กหนุ่มผมตั้ง หัวร้อน แต่โดดเด่นด้วยพรสวรรค์รอบด้าน มีความภูมิใจในตัวเองสูงสุด ยิ่งรวมกับอัตลักษณ์ ‘ระเบิด’ ที่ตื่นขึ้น ก็ยิ่งมีคนจับตามองเขาว่า นี่คือผู้ที่จะเติบโตมาเป็นฮีโร่คนสำคัญในอนาคต
ในหมู่เด็กๆ ด้วยกันเอง ทุกคนต่างก็หลงใหลในพรสวรรค์ของบาคุโก โดยเฉพาะมิโดริยะ ที่ไร้ซึ่งอัตลักษณ์ใดๆ แต่อิจฉาเขามาตลอด หากแต่ตัวเขาเองกลับเริ่มยึดติดในพลังของตัวเอง และใช้ความแข็งแกร่งที่เหนือว่ารังแกและกดขี่คนอื่นอยู่เสมอ ถึงขนาดตั้งชื่อให้มิโดริยะว่าเดกุ ที่แปลว่า ‘ทำอะไรไม่ได้’
ยิ่งเขาเข้มแข็งมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคนอื่นอ่อนแอและไม่คู่ควรมากขึ้นเท่านั้น ในวันที่พรสวรรค์เฉิดฉาย ปลายแหลมของความภูมิใจก็เริ่มทิ่มแทงตัวเขาช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
กระทั่งวันหนึ่งที่บาคุโกผู้แสนแข็งแกร่งได้พ่ายแพ้ให้กับคนที่เขาปรามาสว่าทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่แท้จริงของการเป็นผู้แพ้ครั้งแรกในชีวิต
เหมือนคำพูดที่ว่า ‘จะรู้ได้อย่างไรว่าชัยชนะหอมหวานเพียงใด หากไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน’ บาคุโกที่เคยอยู่บนจุดสูงสุดเองก็คล้ายกัน สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่รักษาสถานะที่มีเอาไว้ แต่ไม่เคยได้พยายามเพื่อขึ้นไปสู่จุดนั้นจากพื้นที่ที่ต่ำกว่า
หลังจากนั้นเขาพัฒนาความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง (แต่นิสัยยังเหมือนเดิม!) เพราะรู้แล้วว่าความพ่ายแพ้นั้นเจ็บปวดแค่ไหน และเขาไม่อยากลิ้มรสมันอีกต่อไป จนสามารถคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันกีฬาประจำปีของโรงเรียนได้สำเร็จ
อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญ คือช่วงที่สมาพันธ์วิลเลินที่มองเห็นความสามารถของบาคุโก บุกชิงตัวเพื่อชักชวนเขาเข้ากลุ่ม และเขาได้แสดงจุดยืนให้เห็นว่า แม้เขาจะก้าวร้าว เจ้าคิดเจ้าแค้นเพียงใด หากแต่ลึกๆ แล้วจิตใจของเขายังยืนอยู่บนพื้นฐานของการเป็นฮีโร่
แต่การยืนหยัดของเขาก็ต้องแลกมาด้วยการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ออลไมต์ ฮีโร่ที่เขาชื่นชมมาตลอด และทำให้เขาได้บทเรียนราคาแพงที่ว่า ความแข็งแกร่งที่เขาเคยภูมิใจนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา แท้จริงแล้วตัวเขาไม่ได้เก่งกาจ และทำอะไรไม่ได้ยิ่งกว่ามิโดริยะ ที่เขาตั้งชื่อนั้นให้ด้วยซ้ำ
เขาเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ และเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่การยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เขาต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง ว่าจะไขว่คว้าความแข็งแกร่งแท้จริงที่เขาตามหามาได้อย่างไร
พลังงานด้านลบอย่างความพ่ายแพ้ ความอ่อนแอ ความเกลียดตัวเอง และรู้สึกผิด ได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นแรงขับในการพัฒนาตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวเขาต้องกลับไปรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป และในที่สุดเขาก็สามารถกลับมาเอาชนะมิโดริยะ ในศึกพิสูจน์พลังของมิโดริยะที่สืบทอดมาจากออลไมต์ได้สำเร็จ
ความสามารถและพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มผู้ทะนงตัวคนนี้ คงเป็นเรื่องน่าอิจฉาของหลายๆ คนที่อยากเก่งกาจและอยู่เหนือกว่าคนอื่น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า หากเราไม่รู้จักความพ่ายแพ้ อ่อนแอ และผิดพลาด เพราะสิ่งเหล่านี้ต่างเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ และย้ำเตือนให้เราได้พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุด
เช่นเดียวกับบาคุโก ที่ได้เผชิญกับเหตุการณ์มากมายที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ แต่สิ่งนี้กลับทำให้เขาตาสว่าง และฝึกฝนตัวเองเรื่อยมา เพื่อที่จะได้เป็นฮีโร่อย่างออลไมต์ และจะไม่มีวันแพ้ให้กับมิโดริยะ หรือใครๆ อีกเป็นครั้งที่สอง
ภาพ: www.netflix.com
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์