นับตั้งแต่ที่หัวเว่ยเผยโฉมสมาร์ทโฟนตระกูลเรือธง P30 Series ออกสู่สายตาสาธารณชนเมื่อปลายเดือนมีนาคม ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะดีเกินคาด จนกลายเป็นปรากฏการณ์ความนิยมที่ร้อนปรอทแตกแซงอุณหภูมิในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะยอดสั่งจองผ่านโอเปอเรเตอร์ที่ถล่มทลายเต็มโควตาตั้งแต่ 5 วันแรก บรรยากาศการรับเครื่องและเปิดจำหน่ายเครื่องอย่างเป็นทางการวันแรกเมื่อ 10 เมษายน กับแฟนๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งเดินทางมารอต่อคิวกันแน่น หรือเสียงแซ่ซ้องสรรพคุณกล้องถ่ายรูปและฟีเจอร์ซูมดิจิทัล 50 เท่าที่ดังสนั่นหวั่นไหวทั่วโลกออนไลน์ สิ่งเหล่านี้คือ หลักฐานที่ยืนยันถึงความสำเร็จของ Huawei P30 Series ได้เป็นอย่างดี
การจะประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หัวเว่ยเองย่อมทราบข้อเท็จจริงประการนี้ดี และในมุมมองของ THE STANDARD เราเชื่อว่า เหตุผลสำคัญประการต้นๆ ทำให้ P30 Series ‘ปัง’ จนกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ใครก็อยากได้เอาไว้ครอบครองประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยเหล่านี้
1. หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของครึ่งปีแรก 2019!
ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง สเปกที่หัวเว่ยเลือกใส่มาให้ใน P30 Series ทั้ง 3 โมเดล (P30 Pro, P30 และ P30 Lite) ย่อมจัดเต็มไม่มีกั๊กอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า P Series จะเน้นภาพลักษณ์ของการใช้งานในเชิงไลฟ์สไตล์ที่หวือหวากว่า Mate Series (เน้นภาพจำของการใช้งานที่โตขึ้นมาอีกเจน)
ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนจาก P30 Series คือการยกระดับคุณภาพกล้องถ่ายรูปขึ้นไปอีกขั้น จากเดิมปกติที่ทำได้ดีอยู่แล้วในรุ่นก่อนๆ แต่พอมาเป็น P30 ดูเหมือนว่าคุณสมบัติหลายๆ อย่างที่หัวเว่ยใส่มาให้ จะตอบโจทย์ความต้องการในเชิงการใช้งานของผู้บริโภคได้ตรงเป้า ที่สำคัญจับต้องและเข้าถึงได้ง่ายมากกว่าเดิม
เริ่มต้นที่กล้องหลังเลนส์ 4 ตัว ที่พัฒนาร่วมกับ Leica (Leica Quad Camera System) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มือถือระดับเรือธงของหัวเว่ยมีกล้องหลังมากถึง 4 ตัว แต่ละตัวมีหน้าที่การใช้งานที่ต่างกันออกไป ที่พูดถึงมากที่สุดหนีไม่พ้น ‘ซูมดิจิทัล 50 เท่า’ ที่ประโยชน์ของมันสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ทั้งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ไปจนถึงเพิ่มอรรถรสในเชิงไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยว ถึงขนาดที่ว่าบางคนเอาไปใช้ส่องกล้องดูดาวถ่ายดวงจันทร์บนท้องฟ้ากันมาแล้ว!
ถัดมากับเซนเซอร์ Huawei SuperSpectrum ที่พร้อมเก็บรายละเอียดต่างๆ ช่วยให้ภาพถ่ายเวลากลางคืนสว่างจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า และไม่ต้องพึ่งแสงจากแฟลชอีกต่อไป ซึ่งโดยปกติ กิตติศัพท์กล้องหลังหัวเว่ยก็ขึ้นชื่อในด้านการถ่ายภาพในที่แสงน้อยอยู่แล้ว เมื่อถูกอัปเกรดขึ้นมาในโมเดล P30 เซนเซอร์รับแสงจะทำงานได้ดีกว่าใน P20 มากถึง 40% หมายความว่า ไม่ว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบจะไม่เป็นใจ ฟ้าปิดมืดมิดแค่ไหน แค่มี P30 ก็อุ่นใจกับภาพถ่ายที่ได้ออกมาเสมอ
ไม่เพียงแค่การถ่ายรูปเท่านั้น แต่ฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น Huawei SuperCharge ที่ช่วยให้ชาร์จแบตฯ จาก 0-70% ได้ภายใน 30 นาที พร้อมระบบระบายความร้อนเวลาที่เครื่องต้องทำงานหนักๆ (เฉพาะบน P30 Pro)
รวมถึง Wireless Reverse Charge ที่เคยถูกปรามาสว่าเป็นลูกเล่นรอง แต่ปัจจุบันในยุคที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนไม่ได้พกมือถือเครื่องเดียวอีกต่อไป ฟีเจอร์เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นพาวเวอร์แบงก์ของหัวเว่ย นับว่ามีความสำคัญมากๆ และค่ายผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนบางเจ้าก็เริ่มนำฟีเจอร์นี้ไปพัฒนาในแบบของตัวเองกันแล้ว
ฟีเจอร์ภายในว่าเยี่ยมแล้ว ดีไซน์ตัวเครื่องภายนอกก็จัดว่าหรูหราสมราคาไม่แพ้กัน โดยปีนี้ P30 Pro มาพร้อมดีไซน์หน้าจอขอบโค้ง OLED FHD+ 6.47 นิ้ว พร้อมสีแบบ Gradient ทั้ง Breathing Crystal และ Aurora ตัวหน้าจอมีกล้องหน้าพร้อมติ่งหยดน้ำ ช่วยให้ผู้ใช้งานได้เห็นภาพ หรือดูวิดีโอได้แบบเต็มตาเต็มอารมณ์ ไม่ต้องรำคาญใจกับรอยบากอีกต่อไป พร้อมปลดล็อกเครื่องด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือแบบฝังในหน้าจอ
ด้วยฟีเจอร์การพัฒนาประสิทธิภาพที่ลงตัว ทั้งในเชิงการออกแบบและการใช้ประโยชน์จริง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า Huawei P30 Series คือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019
2. กลยุทธ์การตลาดที่ดี ย่อมทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ดีอยู่แล้ว ‘ดียิ่งขึ้น’ ไปอีก
เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ใครๆ ก็อยากได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ แต่การที่สินค้าดีจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคได้นั้น ‘กลยุทธ์ทางการตลาด’ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อย ที่มีส่วนช่วยสร้างอีโมชันและดึงดูด Awareness จากพวกเขา
ก่อนหน้านี้มุมมองภายนอกที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีต่อแบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีน มักจะมองว่า เป็นสินค้าคุณภาพต่ำ แต่การมาถึงของหัวเว่ยและการเจาะตลาดจนสร้างฐานแฟนของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ทำให้กำแพงอคติส่วนนี้พังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัว P30 Series ครั้งนี้ยังมาพร้อมกับมอตโตเท่ๆ ‘Rewrites the Rules of Photography’ ที่แปลว่า ‘ฉีกทุกกฎการถ่ายภาพ’ ซึ่งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็นเจ้านวัตกรรมสมาร์ทโฟนด้านการถ่ายภาพอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะฟีเจอร์การซูมดิจิทัล 50 เท่า ที่เราได้แนะนำไปแล้วในตอนต้น ซึ่งเป็นการนำเสนอ ‘นวัตกรรม’ ซึ่งเหือดแห้งเลือนหายจากวงการสมาร์ทโฟนไปนานพอสมควร และยังไม่มีค่ายคู่แข่งผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนรายใดสามารถทำได้ทัดเทียม จุดนี้เองที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยกลายเป็นที่ต้องการของใครหลายคน
ยิ่งมาบวกกับกระแสไวรัลสาธิตโชว์การใช้งานซูม 50 เท่าบนโลกโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ก็ยิ่งทำให้เชื้อเพลิงความฮอตฮิตของ P30 Series ลุกลามในช่วงระยะเวลาเพียงข้ามคืนอย่างรวดเร็ว ทั้งยังสร้างเทรนด์อวดการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว ปรากฏการณ์ใหม่ๆ ไปจนถึงความรู้สึกร่วมให้ผู้ใช้งานจำนวนมากอยากย้ายฝั่งจากค่ายเดิมๆ มาสัมผัสประสบการณ์การใช้งานและนวัตกรรมใหม่ๆ กับหัวเว่ย
ที่จะลืมพูดถึงไม่ได้คือ การอ่านเกมขาดของทีมงานหัวเว่ยไทย ซึ่งรับลูกชิงจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการต่อจากงานเปิดตัว Global Launch ที่ฝรั่งเศส ในวันรุ่งขึ้นทันที ด้วยรูปแบบการจัดงานที่หรูหรา เล่นใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ผลที่ตามมาจึงทำให้อารมณ์ความรู้สึกร่วมของผู้บริโภคไม่ขาดตอน ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมของการวางจำหน่าย P30 Series อย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและน่าถอดบทเรียนเป็นอย่างมาก
3. ความคุ้มค่าด้านราคาที่จับต้องได้
ราคาสมาร์ทโฟนในตลาด ณ ปัจจุบัน ถ้านับเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มตลาดบน เซกเมนต์ไฮเอนด์ ก็ต้องยอมรับว่า เพดานราคาถูกปรับตัวขึ้นไปไกลพอสมควร หมายความว่า ถ้าคิดจะซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงตัวบนสุดของแบรนด์ระดับท็อปในตลาดสักเครื่อง คุณต้องมีเงินในกระเป๋าสตางค์ไม่ต่ำกว่า 44,000 บาท (+-) นี่ยังไม่รวมราคาหน่วยความจำภายในเครื่องที่ยังต้องอัปเกรดเสริมเข้าไปให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละรายอีก
แต่กับราคาจำหน่ายของ P30 Pro ที่เคาะราคาที่ 31,990 บาท พร้อมหน่วยความจำภายในที่ 256 GB (ใส่ Nano Memory Card ของหัวเว่ยเพิ่มได้) ต้องบอกว่า นี่คือสมาร์ทโฟนระดับเรือธงในราคาที่จับต้องได้ง่าย สมเหตุสมผลกับคุณภาพที่ได้รับ เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับราคาเปิดของแฟลกชิปจากค่ายอื่นๆ
แถมก่อนหน้านี้ โปรโมชันซื้อผ่านโอเปอเรเตอร์ค่ายผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือบางรายยังใจป้ำ มอบส่วนลดให้มากถึง 22,000 บาท (พ่วงติดสัญญา 1 ปี) หมายความว่า เราสามารถเป็นเจ้าของ P30 Pro ได้ในราคาเพียง 9,990 บาทเท่านั้น เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ทันโปรฯ ดังกล่าว เมื่อซื้อราคาเต็มก็จะได้รับของสมนาคุณที่ต่างกันออกไป (ของแถมมูลค่าสูงสุดคือ สมาร์ทวอตช์ Huawei Watch GT Sport Edition – 5,990 บาท)
จากปัจจัย 3 ประการ ที่เรากล่าวถึง Huawei P30 Series คงไม่ใช่เรื่องกล่าวอ้างเกินความเป็นจริงแต่อย่างใด หากเราจะยกให้สมาร์ทโฟนซีรีส์ P โมเดลล่าสุดนี้จากหัวเว่ย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาด ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ไม่ว่าจะด้วยคุณสมบัติด้านฟีเจอร์การถ่ายภาพ ดีไซน์ตัวเครื่องสุดหรูหรา เคสประโยชน์จากการใช้งานจริง รวมถึงราคาที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค
นี่เป็นเพียงความเห็นบางส่วนที่เรามีต่อ P30 Series เท่านั้น และเชื่อว่า ถ้าคุณได้ลองใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ จะต้องตกหลุมรักจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นอน หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถไปทดลองใช้งานตัวเครื่องได้ที่แบรนด์ช็อป ตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ consumer.huawei.com/th/phones/p30-pro/
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล