ล่าสุด เพิ่งเปิดตัว แปรงสีฟัน Berman รุ่น Result ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศเยอรมนี โฆษณาว่า ‘ขนแปรงปลายแหลม 3 ระดับ 3 ทิศทาง ทำความสะอาดเข้าถึงได้ทุกซอกมุม’
มีกลุ่มเป้าหมาย คือ คน Gen Y หรือคนที่มีอายุ 17-36 ปี (เกิดระหว่างปี 1981 – 2000) โตในยุคที่ใช้อินเทอร์เน็ต ติดมือถือ เล่นโซเชียล ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ Berman ไม่เคยทำการตลาด
ถามว่า ทำไมต้องเป็นคน Gen Y?
หนึ่ง – เป็นกลุ่มคนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ประมาณ 19 ล้านคน เกือบ 1 ใน 3 ของประเทศ
สอง – อยู่ในวัยทำงาน มีรายได้สูง
สาม – ใจถึง ใช้เงินเก่ง และ ‘กล้าจ่าย’ ในสิ่งที่ตัวเองชอบ
นอกจากกลุ่ม Gen-Y แล้วแบรนด์ ยังมองเห็นพฤติกรรมการดูแลรักษาสุขภาพฟันของคนไทย ข้อเท็จจริงที่ว่า คนไทยใช้เวลาแปรงฟันต่ำกว่าที่ควร (2 นาที คือเวลาที่ควรใช้อย่างน้อยที่สุดในการแปรงฟัน) แปรงสีฟัน Berman จึงจับส่วนผสมทั้งสองออกมา เพื่อทำการตลาด จนเกิดเป็นหนังโฆษณาตัวใหม่
ข้อเท็จจริง + ‘นวัตกรรม’ แปรงสีฟันรุ่นใหม่ (ที่ช่วยให้รู้สึกเพลินเวลาแปรงฟัน ทำให้แปรงได้นานขึ้น) + ‘อินไซต์’กลุ่มเป้าหมาย = หนังโฆษณา
โดยเล่าเรื่องผ่านชายหนุ่มที่กำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกเพลินๆ แล้วระหว่างนั้นเขาได้คิดทบทวนเรื่องต่างๆ ในชีวิต ทั้งความสัมพันธ์ งาน อนาคต แม้กระทั่งสัจธรรมของชีวิต และท้ายที่สุดเขาได้มีเวลาคิดใส่ใจสุขภาพฟันของตัวเอง
ความน่าสนใจของ Berman ในการรุกตลาดครั้งนี้คืออะไร?
ถ้าย้อนกลับไป 30 ปี (พ.ศ. 2529) Berman เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท รินทร์โชคชัย จํากัด แรกเริ่มเดิมที บริษัท รินทร์โชคชัย จำกัด ยังไม่ได้ทำแปรงสีฟัน แต่รับจ้างผลิตหีบห่อบรรจุสินค้าให้แบรนด์ดังทั้งแบรนด์ไทย และแบรนด์จากต่างประเทศ ต่อมาจึงขยับขยายซื้อเครื่องจักรมารับจ้างผลิตแปรงสีฟัน หลังจากธุรกิจในการรับจ้างผลิตแปรงสีฟันเติบโต และบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะพัฒนาเพิ่มเติมทั้งในเทคโนโลยีและ new products จึงหันมาผลิตสินค้าเป็นของตัวเอง ออกมาเป็นแปรงสีฟัน ภายใต้ แบรนด์ “Berman” ซึ่งในเวลาไม่นาน ก็ได้ขยับขึ้นเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม
จุดเปลี่ยนของ Berman คือปี 2540 วิกฤต ‘ต้มยำกุ้ง’ ทำให้ธุรกิจโดยทั่วไปในประเทศไทยย่ำแย่ แต่โชคดีในปีนั้นกระทรวงพาณิชย์เชิญให้แปรงสีฟันเบอร์แมนไปออกบูธงานโปรโมตสินค้าไทยที่สนามหลวง (งาน Made In Thailand) จำหน่ายแปรงสีฟันราคาพิเศษ เพียงด้ามละ 20 บาท ครั้งนั้นทำให้ Berman เป็นที่รู้จักดีท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ โดยยังไม่ได้โฆษณา
จากจุดนั้น บริษัท รินทร์โชคชัย จำกัด ได้เห็น ‘ช่องว่าง’ ของตลาดแปรงสีฟัน และโอกาสการขาย จึงเกิดแนวคิดในการทำการตลาด และการขายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมทั้งประเทศ และขายตลอดเวลา 24 ชั่วโมง จึงทำตลาดร่วมกับเซเว่นฯ ตั้งแต่ปี 2541 นับเป็นช่องทางที่เพิ่มศักยภาพการขายให้สินค้าได้มากขึ้น นับจากนั้นยอดขายสินค้าของ Berman ก็เติบโตมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน
จุดเปลี่ยนของแปรงสีฟัน Berman อีกครั้งหนึ่ง คือ ปี พ.ศ. 2546* ซึ่งเป็นปีที่มีการทำการตลาดอย่างจริงจัง โดยปล่อยโฆษณาทางโทรทัศน์ครั้งแรก (ที่มีหมู เป็ด ไก่ หลุดออกมาจากปาก) และโฆษณาผ่านคลื่นวิทยุทั่วประเทศ มีการใช้สื่อโฆษณาอย่างจริงจัง ทำให้ผู้บริโภครู้จักและมียอดขายแปรงสีฟันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
กลับมาที่คำถาม ความน่าสนใจของ Berman ในการรุกตลาดครั้งนี้คืออะไร?
ถ้า พ.ศ. 2546 คือการรุกตลาดครั้งแรก และทำให้รายได้แปรงสีฟัน Berman โตขึ้นเกือบ 5 เท่า เมื่อเทียบยอดรายได้ พ.ศ. 2559
การกลับมารุกตลาดอีกครั้งใน พ.ศ. 2560 จะทำให้ยอดขายแปรงสีฟันสัญชาติไทยนี้เติบโตขึ้นเท่าไหร่?
คำตอบของคำถามนี้ยังไม่มี และคงต้องรอติดตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้แปรงสีฟัน Berman เติบโตมาถึงวันนี้ คงต้องยอมรับว่ามาจากวิธีคิดในการทำธุรกิจของบริษัท รินทร์โชคชัย จำกัด ผู้ผลิตแปรงสีฟัน Berman
‘ซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่เอาเปรียบ’
ที่เป็นดีเอ็นเอของสินค้า Berman ทุกรุ่นที่ออกมา
และโดยเฉพะแปรงสีฟัน Berman รุ่น Result รุ่นใหม่นี้ที่สื่อว่า ‘เบอร์แมน นวัตกรรมของความใส่ใจ’
ส่วนจะ ‘แปรงเพลิน’ เหมือนโฆษณาหรือไม่?
คงต้องลอง…
-
แปรงสีฟัน Berman รุ่น Result เทคโนโลยีการผลิตชั้นเลิศจาก ประเทศเยอรมนี ด้วยขนแปรงปลายแหลม 3 ระดับ 3 ทิศทาง เพื่อการทํา ความสะอาดที่เข้าถึงได้ทุกซอกมุม และฐานแปรงหัวโค้งเว้าที่แนบชิดไปกับการเรียงตัวของฟัน จึงทําความสะอาดได้ครอบคลุมมากกว่า เพื่อความสะอาดสมบูรณ์แบบทุกครั้งที่แปรง มั่นใจในสุขภาพปากและฟันที่ ได้มากขึ้น ทั้งนี้แปรงสีฟัน Berman Result จะมีระดับความนุ่มของขนแปรงให้เลือก 2 ระดับ คือ แบบ นุ่ม (Soft) และแบบนุ่มพิเศษ (Extra Soft)