Q: เรากับแฟนทำงานกันคนละสายค่ะ ตอนนี้หน้าที่การงานของเรากำลังไปได้สวย เราได้โปรโมต แต่แฟนเราหน้าที่การงานกลับแย่ลง และเราก็เริ่มรู้สึกว่าลึกๆ แล้วเขาอิจฉาที่เรามีงานที่ดีกว่าจนเราทะเลาะกันมากขึ้น ดูเขาจะไม่ค่อยภูมิใจในตัวเราเท่าไรที่มีงานดีๆ เขาพูดกับเราน้อยลง เรารู้สึกเหนื่อย ไม่รู้จะทำยังไงดี

A: ไม่รู้ทำไม แต่เรื่องของคุณทำให้เรานึกถึง วิตนีย์ ฮุสตัน (Whitney Houston) กับ บ็อบบี้ บราวน์ (Bobby Brown)

     ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ หน้าที่การงานของ วิตนีย์ ฮุสตัน รุ่งโรจน์มากในขณะที่งานของ บ็อบบี้ บราวน์ สามีกลับดิ่งลงเหว คนมองเขาว่าเป็นเพียง Mr. Houston ที่มีหน้าที่เพียงเดินตามหลัง วิตนีย์ ฮูสตันต้อยๆ เท่านั้น และลึกๆ แล้ว บ็อบบี้ บราวน์ ก็คงรู้สึกว่าเขาโดนความดังของภรรยาข่มรัศมีอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามออกอัลบั้มแต่กี่อัลบั้มก็ล้มเหลว และเขาก็ดูจะขยันไปมีเรื่องมีราวให้ตำรวจจับอยู่เสมอ

     แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นอยู่ตลอด ณ เวลาที่พวกเขายังใช้ชีวิตคู่กันอยู่ก็คือ วิตนีย์ ฮุสตัน ไม่เคยพูดไม่ดีถึงสามีออกสื่อเลย และพยายามให้สามีตัวเองมีซีนในงานของตัวเองตลอด (แม้จะเป็นสิ่งที่แฟนเพลงรู้สึกรำคาญก็เถอะ) ตั้งแต่ให้สามีมีซีนร้องเพลงในคอนเสิร์ตตัวเอง เธอร้องเพลงรักอุทิศให้สามีตัวเอง กล่าวขอบคุณสามีเธออยู่เสมอทุกครั้ง และต่อให้ใครอยากให้เธอเลิกกับสามีแค่ไหน เธอจะแสดงให้คนเห็นเสมอว่าเธอรักสามีมาก ร้องเพลงอยู่บนเวทีก็มีซีนให้สามีเอาผ้าขนหนูออกมาให้ซับเหงื่อและจูบสามีให้คนดู ให้คนอื่นเห็นว่าเธอรักเขามากแค่ไหน และที่สำคัญคือมีซีนให้สามีของเธอรู้สึกว่ามีตัวตน

     แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่าทั้งคู่ได้พากันลงเหวจากเรื่องยาเสพติด วิตนีย์ถูกสามีทำร้ายร่างกายและถูกถ่มน้ำลายใส่ ทั้งคู่หย่ากันในที่สุด (ท่ามกลางความดีใจของแฟนเพลง) เสียงของ วิตนีย์ เองก็ถูกยาเสพติดทำร้ายไปมากจนน่าเสียดายและน่าสงสาร หน้าที่การงานของผู้หญิงที่เสียงดีที่สุดในโลกเลยไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น

     พวกเราดูชีวิตของ วิตนีย์ แล้วเอามาเป็นบทเรียนได้นะครับ

     แฟนกันไม่ควรจะอิจฉากัน ควรจะส่งเสริม ชื่นชมกันและกัน –ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น แต่แฟนก็เป็นมนุษย์ และมนุษย์ก็มีความอิจฉา มีความเสียหน้าไม่ได้อยู่

     ลองมองในมุมเขาแล้วลองทำความเข้าใจ ผมคิดว่าก็เข้าใจได้นะครับว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่มั่นคง

     การเติบโตในสังคมที่ชายเป็นใหญ่และได้รับการหล่อหลอมว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำ ผู้ชายต้องเก่ง ผู้ชายต้องเป็นที่พึ่งของผู้หญิง ผู้ชายจะแพ้ไม่ได้ ผู้ชายจะด้อยกว่าผู้หญิงไม่ได้ (ซึ่งทั้งหมดนี้เหมือนจะเชิดชูผู้ชายแต่มองอีกมุมก็โคตรทำร้ายผู้ชายเลย) สิ่งเหล่านี้ประกอบสร้างมาเป็นตัวเขา และทำให้เขารู้สึกว่า เขาควรจะเป็นผู้นำ เป็นที่พึ่งของคนรักได้ แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาทำไม่ได้ เพราะหน้าที่การงานของเขากำลังแย่ ในขณะเดียวกัน หน้าที่การงานของคุณก็กำลังรุ่ง (ซึ่งไม่ใช่ความผิดของคุณหรือเรื่องที่คุณไม่ควรภูมิใจ) เขาก็อาจจะกลัวว่า คุณจะไม่เห็นคุณค่าของเขาแล้ว และจะกลายเป็นว่า เขาไม่เป็นที่ต้องการอีกแล้ว

     ผมคิดว่าในสถานการณ์นี้เขาเป็นผู้ชายที่น่าสงสารนะครับ และเราก็ควรเห็นใจเขา หน้าที่การงานของเขากำลังตกต่ำ และความภูมิใจในตัวเองก็เหลือน้อยลง

     ลึกๆ แล้วเขากลัวว่าเขาจะไม่เป็นที่ต้องการ กลัวว่าคุณจะไม่ภูมิใจในตัวเขา เพราะฉะนั้น นี่คือสิ่งที่เราควรเติมให้เขา หรือทำให้เขามั่นใจว่าเราเห็นคุณค่าเขา และภูมิใจในตัวเขา

     รวมทั้งเราจะผ่านเรื่องไม่ดีไปด้วยกัน

เรื่องครอบครัว เรื่องคนรัก ให้ใช้ความรักในการแก้ไข

เพราะความรักทำให้เราเห็นคุณค่าของกันและกัน และพร้อมจะให้อภัย

     มันอาจจะเป็นช่วงชีวิตที่ลำบากนะครับ ต้องถือว่าชีวิตมอบบททดสอบให้คุณทั้งคู่ว่าจะเป็นคู่ที่ ‘ใช่’ กันจริงหรือเปล่าจากสถานการณ์นี้ ผมอยากให้มองว่า ไม่ว่าจะออกไปทางไหน คุณได้ชีวิตที่บวกทั้งคู่ ถ้าผ่านไปได้ ความรักคุณน่าจะหนักแน่นกันมากขึ้น เขาได้รู้แล้วว่าใครยืนเคียงข้างเขา อุปสรรคไหนจะเข้ามาอีกก็จับมือสู้กันไปได้เหมือนคราวนี้ แต่ถ้ามันแย่มาก และถึงจุดต้องคุยกันเรื่องเลิกรา ก็ถือว่าได้พยายามแล้ว และเลิกกันไปเพื่อไปมีชีวิตใหม่ก็ดีกว่าอยู่ด้วยกันแบบทะเลาะกัน

     แต่ก่อนจะไปถึงจุดที่ไม่อยากจะพยายามแล้ว ผมอยากให้ลองพยายามอย่างถึงที่สุดก่อน อย่ารีบทิ้งไพ่เลิกกัน

     เรื่องหน้าที่การงานของคุณ คุณทำดีแล้วขอให้ทำดีต่อไป ไม่มีประโยชน์ที่เราจะหยุดตัวเองในการทำดีเพียงเพราะจะได้อยู่ข้างหลังคนของเรา เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งให้กำลังใจถดถอยครับ คุณยังต้องมีกำลังใจให้ตัวเอง และให้กำลังใจแฟนของคุณอีก ภูมิใจในตัวเองไว้ครับ ถ้ารู้สึกว่าแฟนไม่ยินดีกับหน้าที่การงานของเรา ขอให้รู้ว่ายังมีคนภูมิใจในตัวคุณอีก ผมเชื่อว่าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ท่านก็คงภูมิใจ บอกเพื่อนเพื่อนก็คงอยากจะฉลอง บอกคุณครูที่สั่งสอนเรามาท่านก็คงภูมิใจเช่นกัน อ่ะ ผมยินดีด้วยอีกคนกับการได้โปรโมต

     อย่าเพิ่งไม่ภูมิใจที่แฟนของเรามีหน้าที่การงานที่ไม่ดีเท่าเรา คนเราเก่งกันคนละแบบ ยิ่งทำงานกันคนละสายแบบนี้ด้วยแล้ว จะเอามาเทียบกันไม่ได้ หน้าที่การงานของเขาก็เรื่องหนึ่ง หน้าที่การงานของเราก็อีกเรื่องหนึ่ง ให้เราทำอย่างเขาก็ไม่ได้ ให้เขาทำอย่างเราก็ไม่ได้ เพียงแค่ในเวลานี้เขามีปัญหาเรื่องงานอยู่ ถ้าคิดแบบนี้แล้ว เราจะไม่รู้สึกว่าเขาไม่เก่งจนไม่ภูมิใจในตัวเขา

     ให้กำลังใจเขาเยอะๆ ครับ ในเวลานี้เขาต้องการกำลังใจ ถ้าตอนนี้เขาเครียดเรื่องงานอยู่ และไม่อยากคุยเรื่องงาน เราก็ไม่ต้องคุยเรื่องงาน ไปหาวิธีอื่นให้เขามีความสุข แต่ถ้าเขาอยากคุย ให้เขาได้ระบายออกมา ให้เขาพูดเยอะๆ อย่าแย่งเขาพูด อย่าบอกเขาว่าทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ มันจะยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าโดนกดเข้าไปใหญ่ ให้เขารู้สึกว่า ในภาวะที่เขาตกต่ำนี้ เราก็ยังอยู่เคียงข้างเขา ภูมิใจในตัวเขา และเชื่อว่าเขาจะผ่านเรื่องนี้ไปได้

     ทำยังไงก็ตามให้เขารู้สึกว่า ต่อให้ที่ทำงานจะหันหลังให้เขา ทำร้ายเขาแค่ไหน แต่คุณเป็นคนหนึ่งที่รักเขา คุณยังอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่สบายใจก็ยังมีคุณอยู่

     พอเขารู้สึกว่า คุณรักเขามากขนาดนี้ และเชื่อมั่นในตัวเขา การกระทบกระทั่งกันก็น่าจะน้อยลง เพราะเขาได้รู้แล้วว่าใครที่มีความหมายกับเขา

     เรื่องหนึ่งที่คุณพ่อเคยบอกเราแล้วเราคิดว่ามันเวิร์กมากก็คือ เรื่องครอบครัว เรื่องคนรัก อย่าใช้เหตุผลในการแก้ไข เพราะเหตุผลจะทำให้เกิดการแพ้ชนะ มีคนผิดคนถูก เธอเป็นคนผิด ฉันไม่ผิด เธอต้องขอโทษก่อน ซึ่งไม่มีใครอยากตกอยู่ในฐานะคนแพ้หรือคนผิดหรอก

     เรื่องครอบครัว เรื่องคนรัก ให้ใช้ความรักในการแก้ไข

     เพราะความรักทำให้เราเห็นคุณค่าของกันและกัน และพร้อมจะให้อภัย

     เราเชื่อว่า คุณทั้งคู่จะผ่านไปได้และรักกันมากขึ้น

     *ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบอกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai