ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ให้ข้อมูลว่าคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการภาษีและมาตรการทางด้านการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึกโดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. มาตรการทางด้านภาษี สามารถนำเงินบริจาคแก่ผู้ประสบภัยไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลได้เท่าจำนวนที่บริจาค และผู้ประสบภัยที่ได้รับบริจาคไม่ต้องนำเงินชดเชยจากรัฐบาล เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาคำนวณเป็นเงินได้ ซึ่งต้องไม่เกินกว่ามูลค่าความเสียหายที่ได้รับ นอกจากนี้ยังยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับบุคคลธรรมดาสำหรับเงินที่จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของตน ซึ่งต้องเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างวันที่ 3 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2562 ตามจำนวนที่จ่ายจริงและรวมกันแล้วไม่เกิน 1 แสนบาทเท่านั้น ส่วนค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวจำนวนไม่เกิน 3 หมื่นบาทก็จะได้รับการยกเว้นด้วย
2. มาตรการทางด้านการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง ให้มีมาตรการพักชำระหนี้ผู้ประสบภัยที่เป็นลูกค้าของธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังออกสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ฟื้นฟูการประกอบอาชีพ และซ่อมแซมอาคารด้วย นอกจากนี้ยังมีมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ มาตรการประนอมหนี้ มาตรการขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียม โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ มาตรการรองรับกรณีลูกหนี้เสียชีวิตและทุพพลภาพถาวร หรือบ้านเสียหายทั้งหลัง โดยผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อและขอรายละเอียดของมาตรการให้ความช่วยเหลือได้ที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ทำธุรกรรมอยู่ได้ทุกสาขาในพื้นที่ต่อไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)