เรียกว่าร้อนแรงส่งท้ายปีกันเลยทีเดียวสำหรับ Huawei Mate20 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงในตระกูล Mate Series ของ Huawei ค่ายผู้พัฒนาโทรศัพท์มือถือจากจีนที่เปิดตัวในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรุ่นย่อยที่แตกต่างกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ Mate20 (24,990 บาท), Mate20 X (28,990 บาท มาพร้อมปากกาและหน้าจอขนาด 7.2 นิ้ว) และ Mate20 Pro (31,990 บาท)
สำหรับรุ่นที่ THE STANDARD ได้นำมารีวิวในครั้งนี้คือ Mate20 Pro เรือธงตัวบนสุดของ Mate Series จุดเด่นอยู่ที่หน้าจอ OLED ขอบโค้งแบบไร้ปุ่ม 6.39 นิ้วที่ให้ความคมชัดสวยงามของภาพและสีได้อย่างละเอียดสะใจสุดๆ เช่นเดียวกับประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพที่พัฒนาเลนส์ร่วมกับ Leica ที่ยังรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีเช่นเคย
สำหรับสเปกทั่วไปของ Huawei Mate20 Pro มีรายละเอียดดังนี้
- หน้าจอ: OLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 2K+ (3120 x 1440 พิกเซล) แสดงผลได้มากถึง 16.7 ล้านสี
- ชิปประมวลผล: Huawei Kirin 980
- ระบบปฏิบัติการ: Android 9 และ EMUI 9.0
- หน่วยความจำ: RAM 6GB เสริมด้วย ROM ขนาด 128GB รองรับหน่วยความจำแบบ Nano Memory Card สูงสุดที่ 256GB (ต้องเลือกระหว่างใส่ซิมที่ 2 หรือ NM Card)
- รองรับการปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้า และระบบสแกนลายนิ้วมือแบบฝังในหน้าจอ (In-screen Fingerprint Sensor)
- กล้อง:
- กล้องหลัง 3 ตัว (พัฒนาร่วมกับ Leica) รองรับออโต้โฟกัส (การโฟกัสแบบเลเซอร์, เฟรมโฟกัส, คอนทราสต์โฟกัส และมี AI ช่วยป้องกันภาพสั่นไหว
- เลนส์มุมกว้าง 40 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/1.8)
- เลนส์มุมกว้างพิเศษ 20 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.2)
- เลนส์เทเล 8 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.4)
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.0) รองรับ 3D Depth Sensing Camera
- กล้องหลัง 3 ตัว (พัฒนาร่วมกับ Leica) รองรับออโต้โฟกัส (การโฟกัสแบบเลเซอร์, เฟรมโฟกัส, คอนทราสต์โฟกัส และมี AI ช่วยป้องกันภาพสั่นไหว
- แบตเตอรี่ 4200 mAh รองรับการชาร์จแบบ SuperCharge 40W และ Wireless Charging 15W พ่วงด้วยฟีเจอร์พิเศษ เปลี่ยนตัวเองเป็นพาวเวอร์แบงก์ให้อุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายได้
- พอร์ตเชื่อมต่อ: USB Type-C
- สี: Huawei Mate20 Pro มีให้เลือก 2 สีคือ ดำ (Black) และเขียว (Emerald Green)
ส่วนอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องประกอบไปด้วย หูฟัง Type-C, อะแดปเตอร์ชาร์จและสายเชื่อมต่อ Type-C, ตัวถอดซิมการ์ด, คู่มือใช้งาน, เคสใส, บัตรรับประกัน และอะแดปเตอร์ช่องเสียบหูฟังแปลงจาก Type-C เป็นช่อง 3.5 มม.
อะไรบ้างที่คุณต้องรู้
Mate Series เป็นตระกูลสมาร์ทโฟนเรือธงของ Huawei เคียงข้าง P Series ความต่างระหว่างทั้งสองรุ่นคือ Mate จะเน้นจับตลาดกลุ่มคนทำงานและนักธุรกิจเป็นหลัก ขณะที่ P Series จะเน้นการใช้งานในเชิงไลฟ์สไตล์ นั่นทำให้ปีนี้ Huawei กล้าวางเดิมพันเปิดตัวรุ่นย่อยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นอย่าง Mate20 X สมาร์ทโฟนจอใหญ่ขนาด 7.2 นิ้วที่ใช้งานคู่กับปากกา เอาใจคนชอบจดและวาดเขียน หวังตีตลาดมือถือใช้งานกับปากกาเต็มตัว
นอกจากนี้ดีไซน์ที่เปลี่ยนไปใน Mate20 ทั้ง 3 รุ่นซึ่งแตกต่างจากทั้ง Mate10 และ P20 ที่คลอดออกมาก่อนในช่วงต้นปีคือการตัดปุ่มโฮมออกแล้วใส่ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบฝังหน้าจอลงไปแทน ซึ่งเป็นส่วนที่เราจะพูดถึงในลำดับถัดไป ส่วนลูกเล่นอย่างการเปลี่ยนตัวเองเป็นที่ชาร์จไร้สายให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย
ขณะที่ในเชิงผลตอบรับของตลาดประเทศไทยช่วงแรกตั้งแต่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่ามียอดจองสินค้าสูงกว่า Mate10 ถึง 3 เท่า ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของ Huawei
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้งานที่ได้รับเครื่องล็อตแรกบางส่วนพบว่า Mate20 Pro ที่ตนได้รับพบปัญหาจอเขียวบริเวณขอบจอ ซึ่งจากการทดลองใช้งานเบื้องตนของผู้เขียนไม่พบปัญหานี้ แต่ทาง Huawei ออกมาเปิดเผยแล้วว่าผู้บริโภคที่เจอปัญหาดังกล่าวสามารถนำเครื่องมาเปลี่ยนได้ทันที
สัมผัสแรก จอสวย แบตอึด การใช้งานโดยรวมทั่วไปทำได้ดี แต่…
Mate20 Pro ที่เราได้รับมาทดสอบจาก Huawei เป็นบอดี้สีเขียว ตัวเครื่องเป็นหน้าจอ OLED ขอบโค้งขนาด 6.39 นิ้วและไร้ปุ่ม สัมผัสแรกของเราเปรียบเทียบกับ P20 Pro พบว่า Mate20 Pro ให้ความรู้สึกสวยหรูและดูดีกว่าพอสมควร แม้เครื่องจะหนากว่าเล็กน้อยที่ 0.8 มม. แต่ก็ไม่ปัญหาในเชิงการใช้งานแต่อย่างใด เพราะจับถนัดมือมาก
พลิกมาด้านหลัง กรอบหลังใช้กระจกชนิดพิเศษที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือและให้ความทนทาน ส่วนกล้อง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica และแฟลชได้รับแรงบันดาลใจในการวางเลย์เอาต์จากไฟหน้าของ Porsche ค่ายรถยนต์ชื่อดัง ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ ปุ่มโฮมเปิด-ปิดเครื่องเป็นสีแดงตัดกับสีเขียวของตัวเครื่องได้อย่างลงตัว ช่องเสียบซิมการ์ดและเมมโมรีการ์ดอยู่ด้านล่าง
จากการใช้งานเบื้องต้นของผู้เขียนในระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ได้รับตัวเครื่องมาพบว่าการใช้งานโดยทั่วไปสามารถทำได้ดีมาก ด้วยชิปประมวลผล Huawei Kirin 980 และ RAM 6GB ที่ให้มาจึงช่วยให้เครื่องสามารถจัดสรรการทำงานและรันระบบได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด การโทรเข้า-โทรออกก็ไม่มีปัญหา เพราะมีระบบตัดเสียงรบกวนติดมาให้ด้วย
ตัวแบตเตอรี่ที่ถูกเพิ่มความจุอีก 200 mAh จาก P20 และ Mate10 เป็น 4200 mAh ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องทั้งวันได้อย่างสบายใจ แถมเหลือแบตกลับบ้านอีกด้วย ยิ่งถ้าไม่ใส่ซิมการ์ดแล้วใช้งานสแตนด์บายเข้าอินเทอร์เน็ต ดูคลิป YouTube หรือเข้า Netflix ก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 2-3 วันเต็ม ส่วนในกรณีที่เพื่อนลืมนำพาวเวอร์แบงก์มาก็สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นที่ชาร์จไร้สายได้อีก
เมื่อทดลองนำ Mate20 Pro มาเล่นเกมยอดฮิตอย่าง RoV พบว่าแสดงผลกราฟิกได้ลื่นไหลดี ไม่หน่วงหรือค้าง พอทดลองเล่นเป็นระยะเวลานานกว่า 20 นาที (1 เกม) แบตเตอรี่ก็ลดลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นเดียวกับตัวเครื่องที่ไม่ร้อน (ใน Mate20 X นำเทคโนโลยีหล่อเย็น Vapor Chamber และ Graphene Film มาใช้ในสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องแรกของโลก)
จุดที่เราพบว่า Mate20 Pro ยังทำได้ไม่ดีเลยคือการปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้า เพราะแม้จะใช้เทคโนโลยี 3D Face ที่จดจำรายละเอียดต่างๆ บนใบหน้าได้กว่า 30,000 จุด แต่เมื่อสแกนหน้าให้ระบบจดจำตอนที่เซตผมไว้ (แต่งผม) แล้วกลับมาปลดล็อกเครื่องอีกครั้งตอนที่ไม่ได้เซตกลับพบว่าระบบยังทำงานได้ไม่ดีพอ บ่อยครั้งจะไม่สามารถปลดล็อกเครื่องได้ มีบางครั้งเท่านั้นที่บังเอิญปลดล็อกผ่าน (ในกรณีที่ปลดล็อกผ่านจะใช้เวลาเร็วมากๆ แค่ประมาณ 1 วินาที)
ส่วนระบบสแกนลายนิ้วมือแบบฝังในหน้าจอถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ จนบ่อยครั้งเราต้องใช้วิธีการสแกนลายนิ้วมือที่ว่านี้แทนการปลดล็อกด้วยใบหน้าอยู่เป็นประจำ
กล้องถ่ายรูปยังรักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมได้ดีเช่นเคย
กล้องถ่ายรูปกับ Huawei ยังเป็นส่ิงที่เราวางใจได้เสมอ ใน Mate20 ครั้งนี้ Huawei กลับมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica อีกครั้ง ประกอบด้วยเลนส์มุมกว้าง 40 ล้านพิกเซล, เลนส์มุมกว้างพิเศษ 20 ล้านพิกเซล และเลนส์เทเล 8 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้การถ่ายรูปง่ายขึ้น เพราะ AI จะประมวลผลว่าภาพที่ปรากฏในเลนส์คืออะไร แล้วปรับโหมดการถ่ายรูปให้เหมาะสมที่สุดกับวัตถุนั้นๆ แบบอัตโนมัติ
ภาพถ่ายจากกล้องเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle Lens)
ตัวอย่างเช่นภาพนี้ที่เราถ่ายในไอคอนสยาม เมื่อเปิดกล้องถ่ายรูปมา AI ก็รู้ทันทีว่าเราต้องการถ่ายภาพมุมกว้าง มันจึงเปลี่ยนโหมดมาใช้เลนส์มุมกว้างแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้เก็บรายละเอียดต่างๆ ของตัวโครงการอสังหาฯ แห่งนี้ได้ดีกว่าเดิม (สามารถกดปิดโหมดแนะนำของ AI ได้)
ภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอและภาพถ่ายเวลากลางคืน
ที่น่าประทับใจสุดๆ คือการถ่ายภาพเวลากลางคืนที่ยังคงเก็บรายละเอียดต่างๆ ของวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และทำได้ดีกว่าค่ายคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ที่อยู่ในเซกเมนต์สมาร์ทโฟนเรือธงอยู่หลายช่วงตัว
ภาพถ่ายโหมดโมโนโครมแบบ Portrait
อีกหนึ่งจุดแข็งของกล้องเลนส์ Leica คือการถ่ายภาพในโหมดขาว-ดำ ซึ่งแสดงผลแสงและเงาออกมาได้ดีสุดๆ แถมยังเก็บรายละเอียดความคมชัดของภาพได้ชนิดเห็นกันยันขนบนใบหน้าเลยทีเดียว!
ภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Huawei
ถ้าถามว่าอะไรคือจุดอ่อนที่สุดของกล้อง Huawei เราจิ้มไปที่กล้องหน้าของมัน เพราะแม้จะให้ความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล แต่กลับให้ภาพที่ดูใสปิ๊งเกินจริงไปมากแม้เราจะไม่ได้ใช้ Beauty Mode ก็ตาม ถือเป็นจุดที่สมาร์ทโฟนตระกูล Android หลายค่ายยังต้องปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม
วิดีโอแบบสโลว์โมชันที่ถ่ายด้วยเฟรมเรต 960 fps
ด้านการถ่ายวิดีโอ Mate20 Pro สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยความละเอียดระดับ 4K และถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชันได้ด้วยเฟรมเรตสูงสุดที่ 960 fps แต่ลูกเล่นอย่าง AI Color ที่ Huawei ชูว่าสามารถถ่ายวิดีโอให้พื้นหลังเป็นสีขาวดำและให้ตัวบุคคลเป็นภาพสียังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไร เพราะยังหลุดโฟกัสให้เป็นระยะๆ และแต้มสีผิดจุดอยู่บ่อยๆ แต่ถ้ามองในมุมที่เป็นลูกเล่นใหม่ก็ยังพอให้อภัยได้
สรุป
ต้องยอมรับว่า Mate20 Pro คือสมาร์ทโฟนเรือธงที่ดีที่สุดของ Huawei ณ เวลานี้ และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของมือถือตระกูล Android ด้วยประสิทธิภาพของการใช้งานโดยทั่วไป กล้องถ่ายรูปที่รักษามาตรฐานความเป็น Huawei + Leica ได้ไม่มีที่ติ รวมถึงลูกเล่นต่างๆ ที่ปล่อยออกมาแบบไม่มีกั๊ก แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีข้อเสียในบางจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่ รวมถึงราคาจำหน่ายที่สูงเหยียบหลัก 3 หมื่นบาท
ถ้าคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงสักเครื่องที่ใช้งานได้ดี กล้องถ่ายรูปสวย Mate20 Pro คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้ดีมากๆ
จุดเด่น
- จอ OLED ให้ภาพสวยงามคมชัด ตัวเครื่องสวยงาม หรูหรา จับถนัดมือ
- กล้องถ่ายรูปยอดเยี่ยม
- แบตเตอรี่อึด ทน ใช้งานข้ามวันได้สบายๆ แถมเป็นพาวเวอร์แบงก์ได้ด้วย
- ชิปประมวลผลทำงานได้ดี รันกราฟิกหนักๆ ลื่นไหล ไม่มีกระตุก
- ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอทำงานได้ดีกว่าที่คิด
จุดที่ต้องปรับปรุง
- ระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้ายังทำงานได้ไม่ดีพอ
- กล้องหน้ายังเป็นข้อด้อยของกล้องถ่ายรูปใน Huawei
- อินเทอร์เฟซและการใช้งานของระบบปฏิบัติการ Android ทำให้ผู้ใช้ iOS ลังเลจะเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนของ Huawei
- ราคาสูงเอาเรื่อง
- ผู้ใช้งานบางรายพบปัญหาจอเขียวในเครื่องบางล็อต
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์