ในพิธีรำลึกครบรอบ 100 ปี การยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 และพิธีเปิดการประชุมสันติภาพ (Peace Forum) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และภริยา ได้เดินทางเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ด้วย
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “วันรำลึกถึงการครบรอบ 100 ปีของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 ถือเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราจะต้องไม่ทำให้โศกนาฏกรรมร้ายแรงแสนสาหัสแก่มวลมนุษยชาติเช่นนี้เกิดขึ้นอีก สันติภาพของโลกจะเกิดขึ้นได้ต้องมีพื้นฐานจากการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน ทั้งนี้ประเทศไทยได้ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาและสันติภาพที่ยั่งยืนโดยทุกคนเข้มแข็งไปด้วยกัน ผมจึงขอมอบหนังสือ 3 เล่มซึ่งมีสาระสำคัญสะท้อนแนวคิดดังกล่าวไว้ ณ ที่นี้”
โดยหนังสือ 3 เล่มที่นายกฯ กล่าวถึงคือ
- Sufficiency Thinking: Thailand’s Gift to an Unsustainable World
- Thailand’s Sustainable Development Sourcebook
- A Call to Action: Thailand and The Sustainable Development Goals
ซึ่งได้นำมาส่งมอบให้กับห้องสมุดสันติภาพพร้อมกับลายเซ็น
วันที่ 11 เดือน 11 ปี 2018 ถือเป็นวันครบรอบ 100 ปี การยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยในช่วงสงคราม ประเทศไทยหรือสยาม (ในขณะนั้น) ได้ส่งทหารอาสาไปร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสมรภูมิยุโรปในสงครามโลกครั้งที่ 1 นับเป็น 1 ใน 3 ประเทศเอเชียที่ประกาศร่วมสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร
โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นยืดเยื้อยาวนานถึง 4 ปี จนกระทั่งเยอรมนีได้ติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรขอเจรจาสงบศึก ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสงบศึกบนรถไฟ ณ เมืองคองเปียน ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 (พ.ศ. 2461) จึงถือให้ทุกวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปีเป็นวันยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ
ภายหลังหลังสงครามสิ้นสุด สยามได้ก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งประชาคมโลก ได้เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติ (League of Nations) เมื่อปี 1919 (พ.ศ. 2462) ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญในการฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยและเสรีภาพทางการค้ากับตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งเปิดทางสู่การแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่างๆ
โดยในพิธีรำลึกจะประกอบด้วยพิธีสำคัญ เช่น การตรวจแถวธงและการตรวจแถวทหาร การขานนามผู้สละชีวิตเพื่อฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 การแสดงทางวัฒนธรรมและดนตรี การเติมน้ำมันไฟบริเวณหลุมศพทหารนิรนามตรงกลางประตูชัยโดยประธานาธิบดี ในขณะที่ผู้นำแตะไหล่ของผู้นั่งข้างไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเติมน้ำมันไฟร่วมกัน การวางพวงมาลาโดยประธานาธิบดี
ทั้งนี้ฝรั่งเศสได้เชิญผู้นำประเทศและผู้นำรัฐบาลของประเทศที่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมถึงหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศรวมทั้งหมดกว่า 120 คนเข้าร่วมพิธี เช่น กัมพูชา เวียดนาม อินเดีย กาตาร์ เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฯลฯ เพื่อให้ทุกประเทศมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสันติภาพปารีส (Paris Peace Forum) ณ หอประชุมใหญ่ Grande Halle de La Villette โดยมีประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นประธาน
การประชุมสันติภาพปารีสถือเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคประชาสังคมในการร่วมเสนอแนวทางธรรมาภิบาลโลกรูปแบบใหม่ที่จะสามารถตอบโจทย์ความท้าทายในยุคปัจจุบันได้
ทั้งนี้ฝรั่งเศสได้เชิญผู้นำประเทศและผู้นำรัฐบาลกว่า 114 คนเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสันติภาพปารีส โดยการประชุมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อหาข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมร่วมกันด้านสันติภาพและการปกครองในทุกมิติ ซึ่งจะมีทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม องค์การอาสาสมัครเอกชน สมาคม และหน่วยงานที่เป็นแหล่งความคิด (Think Tank)
โดยฝรั่งเศสมุ่งหวังจะจัดการประชุมสันติภาพปารีสทุกปีหลังจากนี้ เพื่อเป็นเวทีสำหรับการระดมสมองด้านสันติภาพ ธรรมาภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์