ไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จักแบรนด์กีฬา แกรนด์สปอร์ต

     แกรนด์สปอร์ตเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2504 ตลอดเกือบ 60 ปีที่ผ่านมาก็มีการปรับตัวตามสถานการณ์ของตลาดไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่กว้างกว่าแบรนด์อื่น รวมถึงได้ให้การสนับสนุนทีมชาติไทยทุกสมาคมในการแข่งขันซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และโอลิมปิก ช่วยให้คนไทยคุ้นเคยกับสัญลักษณ์แกรนด์สปอร์ตทุกครั้งที่คนไทยคว้าเหรียญรางวัล

 

     

     แต่ความท้าทายต่อจากนี้ คือเป้าหมายที่เขาต้องการขึ้นไปสู่แบรนด์ชั้นนำของเอเชีย

     แกรนด์สปอร์ตมีการพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดก็เพิ่งเปิดแกรนด์สปอร์ต ช็อป สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ โดยมีเป้าหมายคือการขยายธุรกิจ เพื่อรองรับลูกค้าแถบชานเมือง โดยสาเหตุที่ตัดสินใจเปิดช็อปแบบสแตนอโลนเนื่องจากต้องการขยายกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เข้าไปเดินในตัวห้าง

     นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Standard ว่า แกรนด์สปอร์ตได้เซ็นสัญญากับทางคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 โดยให้การสนับสนุนชุดการแข่งขันทัพนักกีฬาไทยและเจ้าหน้าที่ ในการแข่งขันซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย, เอเชียนเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซียในปี 2018 และการแข่งขันโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2020 อีกด้วย

 

     

     “56 ปีที่ผ่านมา เราอยู่ในทุกๆ หน่วยขององค์กรกีฬาไทย เกือบทุกสมาคมกีฬา เราเองมีพื้นที่ในประเทศไทย โดยขยับขยายไปตลาดอาเซียน โดยมีช็อปที่เวียดนามกับลาว ต่อจากนี้คือการขยายแบรนด์ไปสู่เอเชีย”

     โดยการเริ่มต้นบุกตลาดเอเชียคือการเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (AVC) เป็นระยะเวลา 4  ปี ระหว่างปี 2017-2020 ร่วมมือกับ 65 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ โดยให้การสนับสนุนทั้งเงินสด รวมถึงเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่ของสหพันธ์ เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนากีฬาไปสู่เป้าหมายสูงสุด

 

     

     “หลังจากเราไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของฟุตบอล กีฬาชนิดต่อมาคือวอลเลย์บอล ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นกีฬาที่คนไทยนิยมรองลงมา เห็นได้ชัดจากการถ่ายทอดสด รวมถึงมีแฟนกีฬาเข้าชมเกือบเต็มสนามทุกครั้ง ซึ่งการสนับสนุนสหพันธ์ ทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดการแข่งขันจะเห็นโลโก้เราติดอยู่ที่ขอบสนาม ช่วยให้นักกีฬาคุ้นเคยกับแบรนด์เรา รวมถึงวอลเลย์บอลทีมชาติเวียดนาม และสโมสรวอลเลย์บอลในประเทศจีนก็ไช้แกรนด์สปอร์ตเช่นกัน”

 

 

ความท้าทายสู่แบรนด์ชั้นนำของเอเชียต้องไม่สู้ที่ ‘ราคา’

     สำหรับการรีแบรนดิ้ง หรือปรับลุคแบรนด์ใหม่ แกรนด์สปอร์ตได้พยายามเปลี่ยนแปลงมาตลอด แต่นายธิติเผยว่า กลุ่มลูกค้าในไทยมีการเปลี่ยนชุดกีฬาค่อนข้างน้อยกว่าต่างประเทศ รวมถึงปัจจัยเรื่องของราคา ซึ่งถ้าสูงมากเกินไป อาจจะซื้อไม่ไหว แต่ทางแกรนด์สปอร์ตก็มีคอลเล็กชันพิเศษ ที่นำเอาวัสดุและการตัดเย็บที่ดีมาขายเป็นบางครั้ง

 

     

     นอกจากนี้ แกรนด์สปอร์ตยังได้จัดการประกวดออกแบบชุดกีฬาให้กับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาเป็นเวลา 10 ปีมาแล้ว ซึ่งทำให้เยาวชนรู้จักกับแบรนด์แกรนด์สปอร์ตเป็นอย่างดี

     “เราต้องการให้แบรนด์ของเราก้าวขึ้นสู่ระดับเอเชีย พร้อมกับให้การสนับสนุนนักกีฬาไทย ตามโครงการครอบคลุม 4 แผนพัฒนากีฬาของการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่กีฬาพื้นฐาน, กีฬามวลชน, กีฬาเป็นเลิศ และกีฬาอาชีพ”

 

     

     ที่ผ่านมามีแบรนด์มหาอำนาจ อย่าง หลี่หนิง แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนที่เปิดตัวกับกีฬาแบดมินตันและบาสเกตบอล ครองความเป็นแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงเอสิกส์จากประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างชื่อเสียงจนสามารถก้าวขึ้นไปแข่งกับ ไนกี้ และ อาดิดาส ในด้านของอุปกรณ์การวิ่ง

     ทั้งสองแบรนด์ได้รับการยอมรับไม่ใช่จากราคาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย แต่เพราะเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในอุปกรณ์และชุดการแข่งขัน ซึ่งช่วยกระตุ้นทั้งชื่อเสียงและยอดขายของแบรนด์เหล่านี้

     แกรนด์สปอร์ต จำเป็นต้องหาจุดลงตัวกับการก้าวขึ้นไปสู้กับแบรนด์เหล่านี้ แต่ยังคงต้องเลือกระหว่าง การยกระดับสินค้าซึ่งทำให้มีราคาสูงขึ้นตามต้นทุน หรือ การเน้นยุทธศาสตร์เป็นแบรนด์กีฬาคู่กับคนไทยทุกภาคส่วน และให้การสนับสนุนการแข่งขันในภูมิภาคเพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับเอเชีย

     ไม่ว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์ไหน เส้นทางการก้าวขึ้นสู่เบอร์ต้นๆ ของเอเชียก็น่าติดตามไม่แพ้กีฬาใดๆ !