ราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่อีกครั้ง หลังจากทะลุขึ้นไปเหนือ 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก หนุนให้ราคาเพิ่มขึ้นราว 67% จากปีก่อน โดยการทำสถิติสูงสุดใหม่รอบนี้ ถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากที่เคยร่วงลงไปแตะ 3,900 ดอลลาร์ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดราคาทองคำทำสถิติใหม่ที่ 4,409 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทย ความบริสุทธิ์ 96.5% ฟื้นตัวกลับขึ้นมาสู่ระดับ 64,900 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 22,500 บาท จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ราคาดังกล่าวยังต่ำกว่าราคาสูงสุดของปีนี้ที่เคยทำไว้ที่ 67,400 บาท
เบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า การทำสถิติสูงสุดใหม่ล่าสุดนี้เป็นครั้งที่ 51 ของปีนี้ โดยมาจากปัจจัยหนุนสำคัญ 4 เรื่อง
ปัจจัยแรกคือ การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังเดินหน้าลดดอกเบี้ยในปีหน้าอย่างน้อยอีก 2 ครั้ง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างแย่
ปัจจัยที่สองคือ ภาวะ Short Squeeze หรือการที่สถานะ Short ทองคำถูกบังคับปิด หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ เป็นแรงหนุนราคาทองคำระยะสั้น
ปัจจัยที่สามคือ ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซูเอลา
ปัจจัยที่สี่คือ แนวโน้มของราคาโลหะมีค่าที่ปรับตัวขึ้นเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ ‘เงิน (Silver)’ ที่พุ่งทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง สู่ระดับ 69 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 133% จากปีก่อน
“ในระยะสั้น โดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า นักลงทุนอาจต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะเข้าสู่เทศกาลหยุดยาว ทำให้ปริมาณซื้อขายเบาบางลง แต่ตราบใดที่ยังไม่หลุด 4,349 ดอลลาร์ เชื่อว่าราคาทองคำยังมีโอกาสขึ้นต่อ” เบญจมากล่าว
ส่วนราคาทองคำไทยที่ไม่ได้ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ตามราคาทองคำโลก เพราะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยการแข็งค่าของเงินบาททุกๆ 0.10 บาท จะกระทบต่อราคาทองคำประมาณ 88-90 บาทต่อบาททองคำ
ด้าน แมตต์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์อาวุโสจาก StoneX กล่าวว่า โดยปกติแล้วเดือนธันวาคมมักจะให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกสำหรับทองคำและเงิน ปัจจัยด้านฤดูกาลจึงเป็นใจให้กับตลาด
