“หนังสือเล่มซีเกมส์ จบบริบูรณ์” เมย์-รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันหญิงทีมชาติไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี หลังเพิ่งคว้าเหรียญทองประเภทหญิงเดี่ยวมาครองได้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
ในที่สุดแมตช์สุดท้ายกับกีฬาซีเกมส์ก็ได้จบลง พร้อมภาพสุดท้ายที่เราได้เห็นคือการหลั่งน้ำตาลงบนพื้นคอร์ต แต่ไม่ใช่เพราะความพ่ายแพ้ แต่เป็นน้ำตาแห่งชัยชนะที่สมบูรณ์แบบของสาวน้อยมหัศจรรย์แห่งอาเซียน
ตลอดการแข่งขันเราได้เห็นเธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคว้าชัยชนะ ตั้งแต่การตามหลัง 8 คะแนนในเกมแรก จากนั้นพยายามไล่ทำคะแนนจนแซงกลับมาชนะไปได้อย่างสวยงาม
หลังชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ รัชนก ยอมรับว่าเธอรู้สึกดีใจที่ทำสำเร็จ เพราะชัยชนะในวันนี้ เกิดขึ้นได้จากการเอาชนะความกดดันภายในใจตัวเอง ซึ่งทำให้ซีเกมส์ครั้งนี้จะอยู่ในความทรงจำเธอไปตลอด
“เมย์พยายามซ่อนความรู้สึกตัวเองว่าไม่ได้กดดัน แต่จริงๆ แล้วก็มีความกดดันที่อยากจะทำให้ได้ เราเองก็บอกกับทุกคน บอกกับตัวเองว่ามันคือรายการสุดท้าย แต่ก็เผื่อใจไว้บ้าง ถ้ามันไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร”
“ซีเกมส์ครั้งนี้เป็นความประทับใจที่ไม่เคยลืม เล่นในบ้านได้ 2 เหรียญทอง มีกองเชียร์คนไทยเข้ามาเต็มสนาม ดีใจมากๆ”
ความจริงแล้ว รัชนก ลงแข่งขันหญิงเดี่ยวซีเกมส์เพียงแค่ 2 ครั้ง (ปี 2009 และ 2011) หลังจากนั้นเธอมักจะหลีกทางให้ผู้เล่นคนอื่นได้โอกาสลงแข่งขัน และทุ่มเทให้กับการเป็นกำลังหลักในประเภททีมหญิงมากกว่า เนื่องจากโปรแกรมซีเกมส์มักจะชนกับรายการใหญ่ท้ายปีอย่าง เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล
แม้แต่ในปีนี้ โปรแกรมก็ยังคงชนกัน แต่ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะ “ปิดตำนาน” ซีเกมส์ให้สมบูรณ์แบบ เธอจึงเลือกมาลุ้นเหรียญทองเพื่ออำลาอย่างไม่มีอะไรค้างคา
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงยืนยันที่จะโลดแล่นบนคอร์ตแบดต่อไป โดยมีเป้าหมายที่ท้าทายรออยู่ โดยเฉพาะในปีหน้ากับเอเชียนเกมส์ ที่เธอตั้งใจอยากจะคว้าเหรียญประเภทบุคคลให้ได้เช่นกัน
“ตอนนี้เมย์อายุ 30 แล้ว ร่างกายก็ดรอปลง ฟื้นฟูได้ไม่ดีเหมือนเก่า แต่ก็พยายามดูแลตัวเองให้ดี ใส่ใจตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม มากกว่าตอน 20 ต้นๆ”
“เอเชียนเกมส์ปีหน้า เมย์อยากได้เหรียญเอเชียนเกมส์ เคยได้ประเภททีมมาแล้ว เหลือประเภทบุคคล มันก็มีความกดดัน แต่ก็ต้องชนะให้ได้ถ้าอยากสำเร็จ ซึ่งซีเกมส์ครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนดีๆ ที่ทำให้เราชนะความกดดันตัวเราเอง”
ภาพ: Badminton Association of Thailand สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ
