วันนี้ (12 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่กองบัญชาการกองทัพไทยว่า ไปรับฟังการดำเนินการและความคืบหน้า พร้อมทั้งยังได้ไปยืนยันว่าแม้จะยุบสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังคงทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ดังนั้นการสนับสนุนเหล่าทัพในการทำภารกิจปกป้องอธิปไตย และดูแลประชาชนยังเหมือนเดิม หากขาดเหลืออะไร เราก็ยังให้การสนับสนุน และให้การดูแลกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าความเข้มแข็ง ศักยภาพ และการดูแลพี่น้องประชาชนต้องมีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีวางหลักการอย่างไรในการพูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ประเด็นใดยอมได้ หรือ ยอมไม่ได้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งตนก็รับข้อมูลมา เพราะระหว่างคุยทางกองทัพไม่ได้มานั่งฟังด้วย แต่ตนจะเชิญสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาร่วมรับฟัง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและมีการรับรู้อย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทย ฉะนั้นการพูดคุยครั้งนี้จะเรียกว่าการหารือ ไม่ใช่การเจรจา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าทหารกัมพูชาได้ยกธงขาว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การไปพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่เรื่องของยุทธศาสตร์ การตัดสินใจ และการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดน ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายกองทัพ ภายใต้มติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากการไปรับฟังรายงานจากเหล่าทัพ หน่วยงานความมั่นคงมีการประเมินสถานการณ์ว่าไทยได้เปรียบ หรือ เสียเปรียบอย่างไรบ้าง อนุทินตอบสั้นๆว่า ผมว่าดีก็แล้วกัน แต่จะยืดเยื้อหรือไม่นั้น ตนพูดได้แค่นี้ เพราะเป็นเรื่องทางการทหาร เอามาพูดในทางสาธารณะไม่ได้ พร้อมฝากว่าเราไม่ควรประเมิน ไม่ควรวิเคราะห์ เพราะฝ่ายศัตรูเขาฟังอยู่ ซึ่งสามารถเอาไปประเมินและวิเคราะห์ต่อได้
ทั้งนี้ จะได้เห็นภาพอะไรจากการพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการอัปเดตสถานการณ์
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่ามีทหารรับจ้างเข้ามาช่วยกัมพูชาสู้รบนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุเพียงว่า ไม่ได้มีการรายงานเรื่องนี้
