วันนี้ (9 ธันวาคม) พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 14 นาย จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเปิดเผยภายหลังการเยี่ยมเยียนว่า น้องๆ ทหารทั้งจากกองทัพบกและตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทุกคนมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยมและมีความเสียสละสูง แม้ร่างกายจะบาดเจ็บแต่ยังแสดงความจำนงอยากกลับไปสู้ต่อที่แนวหน้า ซึ่งตนได้กำชับให้ทุกคนพักรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน ส่วนภารกิจปกป้องอธิปไตยนั้น เพื่อนทหารที่เหลือพร้อมทำหน้าที่แทนอย่างเต็มที่
เสนาธิการทหารบก ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยฝ่ายกัมพูชาพยายามสร้างภาพลักษณ์ต่อสาธารณชนและประชาคมโลกว่าฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มก่อน เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการยกระดับการโจมตี
ซึ่ง พล.อ.ชัยพฤกษ์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยต้นเหตุของความขัดแย้งเกิดจากการที่ทหารไทยปฏิบัติหน้าที่สร้างถนนภายในเขตอธิปไตยของไทย แต่กลับถูกทหารกัมพูชายิงใส่ทันทีโดยไม่มีการแจ้งเตือนตามกฎการปะทะ ส่งผลให้นายทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 2 นาย จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายไทยต้องใช้สิทธิในการตอบโต้
นอกจากนี้ การที่กัมพูชานำโดรนและอาวุธหนัก ออกมาใช้โจมตี เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่า กัมพูชาไม่ได้มีการถอนกำลังตามที่กล่าวอ้าง แต่ใช้วิธีแอบซ่อนกำลังและอาวุธไว้ ซึ่งแสดงถึงความไม่จริงใจและไม่ตรงไปตรงมา
สำหรับการประเมินสถานการณ์สู้รบ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ไฟเขียว อนุญาตให้กองทัพปฏิบัติการได้อย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย โดยกองทัพได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ที่ต่างจากในอดีต เน้นแผนการปฏิบัติที่คำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลเป็นหลัก และจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่เด็ดขาด
เป้าหมายคือการ ลิดรอนขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามทั้งระยะไกลและเชิงลึก เพื่อทำลายศักยภาพและแนวคิดการรุกรานให้หมดสภาพ จนไม่สามารถกลับมาดำเนินการในลักษณะนี้ได้อีกในอนาคต
“ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์นี้ แต่ขอยืนยันว่ากองทัพจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมกันนี้ขอฝากเตือนเรื่องการสอดแนมและการข่าว หากประชาชนพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพราะถือเป็นวิธีการทางสงครามที่ต้องเฝ้าระวังร่วมกัน” เสธ.ทบ. กล่าว


