วันนี้ (3 ธันวาคม) เวลา 07.00 น. ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) อยู่ระหว่าง 34.9-59.5 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 62 พื้นที่ เช่น เขตบางรัก 59.5 มคก./ลบ.ม., เขตสาทร 57.8 มคก./ลบ.ม., เขตลาดกระบัง 55.5 มคก./ลบ.ม., เขตบางคอแหลม 53.4 มคก./ลบ.ม. และเขตหนองแขม 53.4 มคก./ลบ.ม.
ขณะที่ ดัชนีคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า กรุงเทพฯ มีหมอกบางในตอนเช้าและอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา) ระหว่างวันที่ 3-11 ธันวาคมการระบายอากาศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี ขณะเกิดภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น จึงคาดว่าแนวโน้มความเข้มข้นของฝุ่น ละอองมีค่าสูงขึ้น แต่ในช่วงวันที่ 4-9 ธันวาคมชั้นบรรยากาศใกล้ผิวพื้นมี ลักษณะค่อนข้างเปิดกับมีลมแรง จึงคาดว่าแนวโน้มความเข้มข้น ของฝุ่นละอองจะมีค่าลดลงได้ในช่วงดังกล่าว และคาดการณ์วันนี้ มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส
ขณะที่ ลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ว่าวานนี้ พล.ต.ท. อิทธิพร โพธิ์ทอง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจปฏิบัติการ ตรวจควันดำ ณ ท่าเรือกรุงเทพ เขตคลองเตย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรุงเทพมหานคร, กรมการขนส่งทางบก และกองบังคับการตำรวจจราจร
สาเหตุหลักที่ต้องคุมเข้ม เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็น เขตควบคุมมลพิษ โดยรถดีเซลกว่า 3 ล้านคัน เป็นต้นเหตุ PM2.5 ถึง 57% และในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม อากาศนิ่งทำให้ระบายมลพิษได้ช้า ดังนั้นรัฐบาลจึงปรับลดค่ามาตรฐานควันดำ จาก 30% เหลือไม่เกิน 20% มีผลตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครจัดตั้ง จุดตรวจริมถนนวันละ 14 ชุด ขณะที่ กรมการขนส่งฯ ตรวจรถในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล วันละ 16 ชุด ส่วนต่างจังหวัดตรวจเข้มในเมืองหลักร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ, ขนส่งจังหวัด, ตำรวจ และท้องถิ่น สำหรับรถควันดำ หากพบเกินมาตรฐาน สั่งห้ามใช้ทันทีต้องแก้ไขภายใน 15 วัน จากเดิม 30 วัน และผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับตามกฎหมายทั้ง พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.ขนส่งฯ










