×

เสียงสะท้อนชาวสงขลา ในวันที่ฝนถล่ม ‘หาดใหญ่’ เมืองหลวงเศรษฐกิจใต้ กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตระดับชาติ เสี่ยงสูญหมื่นล้าน

25.11.2025
  • LOADING...
เสียงสะท้อนชาวสงขลา ในวันที่ฝนถล่ม ‘หาดใหญ่’ เมืองหลวงเศรษฐกิจใต้ กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตระดับชาติ เสี่ยงสูญหมื่นล้าน

ฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ ทำให้สงขลาเผชิญน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลายพื้นที่เผชิญสภาวะวิกฤต กระทั่งผู้ว่าฯ สงขลาประกาศอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

 

ประเด็นสำคัญ

 

 

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา รายงานสถานการณ์อุทกภัย พบว่า จังหวัดสงขลายังคงเผชิญภาวะฝนตกหนักต่อเนื่อง จากอิทธิพลร่องมรสุมและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในวงกว้างทุกอำเภอของจังหวัด

 

จากการสำรวจพบว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 115 ตำบล ครอบคลุม 16 อำเภอประชาชนได้รับความเดือดร้อน 697,231 คน ต้องอพยพ 1,228 คน มีผู้เสียชีวิต และสถานการณ์หนักที่สุดอยู่ใน อ.หาดใหญ่ สะเดา รัตภูมิ จะนะ และนาหม่อม

 

เปิด 2 สาเหตุฝนถล่ม

 

ปัจจัยสำคัญประการแรกที่ทำให้เกิดมหาอุทกภัยในหาดใหญ่รอบนี้ คือ “ภูมิประเทศ” ของเมืองหาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบลุ่มต่ำ ลาดเอียงลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำจากพื้นที่โดยรอบไหลรวมลงมาได้ง่าย แต่ระบายออกได้ยาก

 

บวกกับ สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน” ปีนี้มีฝนตกหนักกว่าปกติ เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากจีนแผ่ลงมากดร่องมรสุมให้เลื่อนลงภาคใต้ ประกอบกับภาวะลานิญญาที่เพิ่มความชื้นในอากาศ ส่งผลให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายจังหวัด ช่วงวันที่ 19-22 พฤศจิกายน ปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ภาคใต้สูงถึง 595 มิลลิเมตร มากกว่าปี 2543 และ 2553

 

ความเสียหายจากน้ำท่วมในย่านธุรกิจใจกลางเมืองหาดใหญ่

 

‘หาดใหญ่’ Gateway ค้าขายเพื่อนบ้าน เมืองหลวงเศรษฐกิจภาคใต้


ขึ้นชื่อว่า ‘หาดใหญ่’ ถือได้ว่าเป็นเมืองที่ทำหน้าที่เป็นประตูหน้าด่าน (Gateway) รับสินค้าและนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ ‘ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์’ ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

 

นอกจากเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม ยังมีสินค้าส่งออกสำคัญอย่างยางพารา เป็นศูนย์กลางการเจรจาซื้อขาย และแปรรูปยางพาราที่สำคัญของโลก เป็นมากกว่าเมืองท่องเที่ยว มีศูนย์กลางการแพทย์และการศึกษา อาหารทะเลแปรรูป สินค้าอุปโภคบริโภค มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ข้ามพรมแดนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยและใช้เส้นทางนี้ในการกระจายสินค้าสู่ตลาดโลก

 

เรียกได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ ‘เมืองหลวงเศรษฐกิจ’ ของภาคใต้

 

วันที่ 25 พ.ย. ทรงพล จังศิริวัฒนธำรง ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เปิดเผย THE STANDARD WEALTH ว่า จากการติดตามข้อมูลปริมาณน้ำฝน จะเห็นได้ว่าฝนที่ตกลงมาในครั้งนี้มีความหนักหน่วงผิดปกติ น้ำเต็มจากคลองเตยเข้าโซนเมือง ครั้งนี้แปลก ไม่ใช่ลักษณะที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

 

“ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในช่วงเวลานี้ของปี โดยเฉพาะในพื้นที่หาดใหญ่ ซึ่งตามปกติแล้วในเดือนนี้ ไม่น่าจะเกิดฝนในระดับรุนแรงเช่นนี้”

 

ความเสียหายจากน้ำท่วมในย่านธุรกิจใจกลางเมืองหาดใหญ่

 

หาดใหญ่ เข้าสู่ ‘วิกฤตระดับชาติแล้ว’ ขาดการบริหารอย่างเป็นระบบ

 

ตามหลักแล้ว หากปริมาณฝนน้อยกว่านี้ ระบบระบายน้ำของเราย่อมสามารถรองรับได้ แต่ครั้งนี้ฝนตกหนักเป็นพิเศษ ประกอบกับมีน้ำหนุนจากพื้นที่อื่น รวมถึงระดับน้ำทะเลที่สูง ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกได้ มีมวลน้ำจากสะเดาเข้ามาเพิ่ม ส่งผลให้พื้นที่หาดใหญ่กลายเป็น ‘แอ่งกระทะ’ น้ำเอ่อท่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่ผลกระทบในวงกว้าง

 

“นี่คือวิกฤตเลวร้ายสุดตั้งแต่เกิดน้ำท่วมหาดใหญ่ ผมขอบอกเลยว่า สถานการณ์หาดใหญ่ตอนนี้วิกฤตระดับชาติแล้ว เพราะน้ำสูงมากๆ รถให้ความช่วยเหลือเข้าถึงยากมาก จุดนั้นต้องลงเรือซึ่งไม่เพียงพอ เราลองนึกภาพตาม หาดใหญ่ที่เป็นแอ่งกระทะลึก 3-4 เมรตรกว่า ไปได้แค่ 2 เมตร ความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง เดือดร้อนมาก ผมอยู่ในกลุ่มความช่วยเหลือ แต่กระแสน้ำ ความยาก ใช้เวลาไปกลับ ยากมาก ซึ่งศูนย์ข้อมูลตอนนี้ ขาดการ Organize อย่างเป็นระบบอย่างมาก”

 

ในมิติของภาคธุรกิจ ปีนี้สงขลาเป็นเจ้าภาพในการจัดสัมมนาหอการค้าประจำปี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากทั่วประเทศเกือบ 2,000 คน แม้งานจะสามารถจัดได้เพียงวันเดียว แต่ผู้เข้าร่วมจำนวนมากต้องทยอยเดินทางกลับก่อนกำหนด ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และรายได้ของภาคบริการ การจัดเลี้ยง การประชุม ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังหาดใหญ่เป็นจำนวนมาก

 

ทรงพล ระบุว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจเบื้องต้น ประเมินเป็นระยะ โดยระยะแรกคือภาคธุรกิจที่ต้องหยุดดำเนินงาน ไม่สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุอุทกภัยเมื่อวันที่ 22 พ.ย. เป็นต้นมา คาดว่าอย่างน้อยระยะเวลาหยุดชะงัก จะยาวนานไม่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งความเสียหายเฉพาะรายได้ที่สูญไปในช่วงนี้ ประเมินไม่น้อยกว่า 500-600 ล้านบาทแล้ว

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ฝนกระหน่ำรุนแรงมากกว่าปี 2553 คาดสูญเศรษฐกิจราว ‘หมื่นล้านบาท’

 

อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่รุนแรงยิ่งกว่า คือความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สำนักงาน ยานพาหนะ รวมถึงที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ต้องได้รับการบูรณะใหม่ ซึ่งผมประเมินว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าปี 2553 ซึ่งขณะนั้นประเมินผลกระทบไว้ในระดับ ‘หมื่นล้านบาท’

 

คาดว่าความเสียหายรวมถึงค่าเสียโอกาสทางธุรกิจจนกว่าจะฟื้นตัวได้ น่าจะอยู่ในระดับ ‘หลายหมื่นล้านบาท’ โดยเบื้องต้นประเมินไว้ที่ประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ

 

ซีเกมส์ 2025 สงขลา เป็นหนึ่งในจังหวัดเจ้าภาพ

 

เมื่อถามถึง ประเมินสถานการณ์ ซีเกมส์ 2025 ที่จังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วมกรุงเทพมหานคร, จังหวัดชลบุรี ในช่วงวันที่ 9-20 ธันวาคม ที่จะถึงอย่างไร ทรงกลด ระบุว่า พื้นที่จัดงานหลักหลายแห่ง รวมถึงสเตเดียมต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลา ไม่ได้อยู่ในโซนน้ำท่วมทั้งหมด พื้นที่เหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ในส่วนของการเยียวยา

 

“เวลานี้ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน แต่หลังจากนี้ควรมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการสำรวจความเสียหายที่แท้จริงของแต่ละครัวเรือนและแต่ละธุรกิจ รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการบูรณะ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ”

 

ในกรณีภาคธุรกิจในจังหวัดสงขลา และหาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ควรมีมาตรการผ่อนปรนภาษีหรือยกเว้นภาษีบางประเภท เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม เพราะหากเป็นเพียงการให้สิทธิลดหย่อนภาษี ธุรกิจจะต้องใช้เวลาเป็นปีจึงจะได้รับผลประโยชน์กลับมา

 

ในภาวะเช่นนี้ ควรมีมาตรการอัดฉีดเงินด่วนหรือเงินช่วยเหลือ แบบให้เปล่าโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนและผู้ประกอบการได้จริง หากต้องใช้กระบวนการกู้ยืมตามปกติที่ต้องมีหลักทรัพย์หรือผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อน ความช่วยเหลือจะไม่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด และอาจทำให้หลายภาคส่วนไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันเวลา

 

ความเสียหายจากน้ำท่วมในย่านธุรกิจใจกลางเมืองหาดใหญ่

 

เนื่องจากความเสียหายโดยรวมถูกประเมินว่าอาจสูงถึงระดับหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งหนักกว่าอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2553

 

ทั้งนี้ ประเมินว่ามาตรการเยียวยาและฟื้นฟูที่จำเป็นเพื่อเร่งให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ควรมีดังนี้

 

1. การสนับสนุนทางการเงินและการให้ความช่วยเหลือโดยตรง

  • อัดฉีดเงินสนับสนุนช่วยเยียวยา ภาครัฐต้องอัดฉีดเม็ดเงินสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อทำให้คนหาดใหญ่รู้สึกว่าพวกเขาได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างแท้จริง
  • เงินเยียวยาจากภัยพิบัติ ควรมีการให้เงินเยียวยาแก่ทุกครัวเรือน โดยต้องมีการประเมินข้อมูลความเสียหายที่แท้จริงอย่างถูกต้อง
  • เงินช่วยเหลือเร่งด่วนแบบไม่พิจารณาหลักทรัพย์ ควรมีการอัดฉีดเงินช่วยเหลือเร่งด่วนที่ไม่ต้องพิจารณาเรื่องหลักทรัพย์มากนัก เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงทุกคนได้
  • เงินให้เปล่า นอกเหนือจากมาตรการสินเชื่อ ควรมีมาตรการให้เป็นเงินช่วยเหลือหรือเงินให้เปล่า (grants) เพราะหากต้องรอการกู้ยืมหรือต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขั้นตอนก็จะเข้าไม่ถึงประชาชนทุกคน

 

2. มาตรการด้านสินเชื่อและการฟื้นฟูธุรกิจ

  • สินเชื่อซอฟต์โลนปลอดดอกเบี้ย ภาครัฐควรจัดให้มี เงินกู้ซอฟต์โลนไม่มีดอกเบี้ย ให้กับผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องฟื้นฟูธุรกิจของตนเอง
  • สนับสนุนการซ่อมแซม ต้องมีเงินสนับสนุนช่วยเหลือในการซ่อมบ้านและซ่อมร้านค้าสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
  • การฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ควรมีเม็ดเงินที่ช่วยทำให้เม็ดเงินในธุรกิจต่าง ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้

 

3. มาตรการยกเว้นและลดหย่อนภาษี

  • ยกเว้นภาษีเพื่อฟื้นตัวเร็ว ควรมีมาตรการ ยกเว้นภาษี หรือยกเว้นสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบสามารถฟื้นฟูธุรกิจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
  • มาตรการเร่งด่วนทางภาษี การใช้มาตรการเวฟภาษี (waive tax) จะช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าการใช้ค่าบูรณะมาหักลดหย่อนภาษี เพราะการได้เงินคืนภาษีมักใช้เวลานาน

 

ความเสียหายจากน้ำท่วมในย่านธุรกิจใจกลางเมืองหาดใหญ่

 

ห่วงอุตสาหกรรมยาง อ.สะเดา กระทบหนัก

 

สำหรับภาคครัวเรือนภาคการเกษตร ความเสียหายเรื่องอุตสาหกรรมยาง ประเมิน เบื้องต้นอย่างไร

 

“ผมยังต้องรอข้อมูลชัดเจนอีกที แต่ที่ทราบมาก็ที่ อ.สะเดา ก็ฝนตกน้ำท่วม สถานการณ์หนักไม่แพ้กัน ตรงนั้นก็เป็นพื้นที่สวนยางพาราที่เป็นภาคการเกษตรเยอะ พื้นที่สวนยาง ตอนนี้ก็ไม่สามารถเข้ากรีดหรือสามารถทำงานได้อย่างปกติ ต้องรออีกหลายวัน ในตัวเมืองหาดใหญ่เป็นย่านการค้า ย่านเศรษฐกิจ”

 

ทรงพล ทิ้งท้ายว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความสำคัญเร่งด่วน เนื่องจากธุรกิจต่างๆ หยุดทำงานและไม่สามารถสร้างรายได้ได้ อย่างน้อยเป็นสัปดาห์ โดยความเสียหายจากการเสียโอกาส ในการสร้างรายได้ในช่วงสัปดาห์แรกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท

 

เมื่อถามว่า หลังจากน้ำท่วม ปี 2553 หรือ 15 ปี ที่แล้ว ใช้เวลาในการฟื้นตัวกลับ มาเป็นปกตินานแค่ไหน ทรงพล เผยว่า ปี 2553 ภาคเอกชนตอนนั้นใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หลังน้ำลดใช้เวลา 7 วัน เก็บ กวาด พื้นที่ห้างร้านของตัวเอง แต่กว่าจะบูรณะทุกอย่างก็เป็นระยะเวลาขั้นต่ำ 1-3 เดือน

 

ถ้ารวมฟื้นฟูรีโนเวทก็ใช้เวลาอีก 1-3 เดือน ส่วนมาตรการภาครัฐ ตอนนั้นอาจจะไม่สามารถจำข้อมูลได้ ว่าภาครัฐวางมาตรการอะไรเป็นพิเศษ

 

“แต่วันนี้คงต้องมีมาตรการที่ออกมาเป็นแพ็คเกจช่วยเหลือผลกระทบแล้ว เพราะตอนนี้สถานการณ์ไม่แพ้มหาอุทกภัยครั้งก่อนแล้ว”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising