ศิริกัญญาเผย MOA จัดตั้งรัฐบาลผสมรอบหน้า รัฐมนตรีไหนเอี่ยวคอร์รัปชัน ลาออกสถานเดียว

วันนี้ (9 พฤศจิกายน) ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ นโยบายทางเศรษฐกิจ ทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมของนิสิตระดับปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในช่วงหนึ่ง ศิริกัญญากล่าวว่า นโยบายของทุกรัฐบาลส่วนใหญ่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อตอบโจทย์ระยะสั้นอย่างเดียว แต่จะทำแต่ระยะสั้นโดยไม่วางรากฐานไปสู่ระยะยาวไม่ได้ พร้อมย้ำว่า โครงการนโยบายคนละครึ่งไม่ตอบโจทย์ในการกระตุ้น GDP เพราะตัวโครงการนี้ เราแค่เปลี่ยนที่ใช้เงินแต่ไม่ได้ควักกระเป๋าสตางค์เพิ่ม แค่เปลี่ยนร้านใช้ ซึ่งโครงการนี้ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านขนาดเล็ก ขนาดย่อยได้ดี รวมถึงช่วยลดค่าครองชีพ

“เราไม่เคยบ่นเรื่องคนละครึ่งเลย แต่ที่เราบ่นเพราะเขาแอบไปเติมเงินให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเป็นงบประมาณของปี 2568 เราก็บ่นอยู่แล้วว่าปี 2568 ขาดดุลมหาศาลอยู่แล้ว ถ้าจะประหยัดอะไรได้ก็ควรจะประหยัด” ศิริกัญญากล่าว

ศิริกัญญายังได้ตอบคำถามที่ว่า หาก 4 เดือนได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นคืออะไร โดยระบุว่า หนึ่งอย่างที่เราอยากทำให้เกิดผลให้ได้ คือการเอาเศรษฐกิจที่อยู่นอกระบบ อยู่ใต้ดิน มาอยู่ในระบบมากขึ้น ปี 2566 จึงมีนโยบายหวยใบเสร็จ เป้าหมายของเราคือเอาคนเข้าระบบภาษีให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เน้นที่ระยะสั้นเท่าไร หากเลือกได้จริงๆ ต้องไปดูที่ตัวคูณทางการคลัง ซึ่งโครงการที่แจกเงินจะมีมูลค่าต่ำกว่าเวลาที่เราไปกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนภาครัฐ เพราะมีส่วนที่รั่วไหล จากการที่คนไม่ได้จ่ายเพิ่ม ปริมาณสินค้าที่เป็นสินค้านำเข้า ซึ่งนโยบายทางเศรษฐกิจจะทำไม่ได้ถ้าไม่ได้ปฏิรูปภาครัฐ

“6 ปีที่เรานั่งทำงานในสภาฯ มา เราคลุกคลีอยู่กับภาครัฐ เราเห็นว่าวิสัยทัศน์ดีแค่ไหนเจอรัฐราชการไทยจอดทุกราย รัฐราชการไทยทำคนจอดมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้น ถ้าไม่แก้เรื่องนี้ ไปต่อไม่ได้จริงๆ เราจึงเสนอเรื่องนี้ ที่พูดมาทั้งหมดเราต้องใช้รัฐเป็นตัวขับเคลื่อนทั้งนั้น เวลาเราบอกว่า ประเทศนี้มีปัญหาอะไร ถามกี่ 5 ครั้ง จะจบที่ระบบราชการทุกครั้งไป” ศิริกัญญากล่าว

ศิริกัญญาย้ำว่า เราต้องการรัฐที่ Clean (สะอาด), Lean (ปราดเปรียว), Empowering (เสริมพลัง) และ Responsive (ตอบสนองต่อประชาชน) มองว่าจะปฏิรูปราชการได้ต้องตั้งรองนายกรัฐมนตรีขึ้นมาคนหนึ่งสำหรับทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะเลย

ช่วงหนึ่ง ศิริกัญญาระบุว่า ฝ่ายการเมืองเองไม่ได้มาพร้อมกับ Political Agenda (วาระทางการเมือง) ว่าเขาอยากจะทำอะไรกันแน่เพื่อประเทศนี้

“หลายรัฐมนตรีที่เข้ามา บางทีก็เหมือนกล่องสุ่มหรือไม่ รวมตัวกันให้ได้ 7 คน เหมือนดราก้อนบอล แล้วส่งรัฐมนตรีกล่องสุ่มไปนั่ง ไปแบบไม่มี Agenda พอไปถึงก็โดนข้าราชการปั่นหัว บอกอะไรก็เชื่อตามนั้น ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย” ศิริกัญญากล่าว

ศิริกัญญาชี้ว่า เมื่อไรที่รัฐมนตรีคุณมี Political Agenda โครงการที่อยากผลักดันให้ประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางยอมให้เอาโครงการกระจุกกระจิกที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับประชาชน หรือทำไปแล้วไม่รู้จะทำไปทำไมมาทำ เขาเอาออกหมด แต่โครงการที่สำคัญเข้าไปอยู่ในนั้น เราไม่ต้องมานั่งคิดเลยว่าอบรมสัมมนามากเกินไป ดูงานต่างประเทศไม่ควรไป ถ้ารัฐมนตรีเอาจริง และลงไปดูจริง รับรองโครงการพวกนี้ไม่ได้อยู่รอด

ต่อคำถามว่า ทำอย่างไรให้รัฐบาลโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้สังคม มีวิธีการอย่างไรลดคอร์รัปชัน ศิริกัญญากล่าวว่า เวลาที่เราบอกว่าตรวจสอบ สส. ต้องเป็นคนตรวจสอบ สส. 500 คน ก็มีดวงตา 500 คู่ในการจับจ้องตรวจสอบ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีการเปิดข้อมูลแบบ Open Data จะมีตาอีกเป็นล้านคู่ที่ช่วยตรวจสอบ

สำหรับคำถามว่า หากนักการเมืองในพรรค เป็นคนที่มีอรรถประโยชน์ต่อพรรคมากๆ แต่เขาทุจริตรับสินบน มีความเห็นอย่างไร และเราควรจะดำเนินการอย่างไร ศิริกัญญากล่าวว่า ถ้ามีใครทำผิดก็ต้องกล้าฟัน อรรถประโยชน์นิยมคือของส่วนรวมไม่ใช่ของพรรค ดังนั้น ต้องฟันให้เห็น ถ้าเรากล้าที่จะดำเนินคดีกับรัฐมนตรีของเราเอง ถ้าปรากฏว่ามีการคอร์รัปชั่น เราคิดว่าน่าจะเป็นแบบแผนที่ดี เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีได้เลย

“หนึ่งในส่วนประกอบของ MOA รอบหน้า ถ้าหากเราต้องเป็นร่วมรัฐบาลแบบไม่ใช่พรรคเดียว หนึ่งในเกณฑ์ที่จะต้องจัดการคือ ถ้ามีรัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวกับคอร์รัปชัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลแล้ว ต้องลาออกสถานเดียว บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า นี่คือวิธีการทำงานของพรรคประชาชน ใครก็ตามถ้าอยากเป็นรัฐมนตรีร่วมกับรัฐบาลเรา ถ้ามีคดีทุจริตที่ชี้มูลแล้ว ลาออกสถานเดียวเท่านั้น” ศิริกัญญาระบุ