วันนี้ (6 พฤศจิกายน) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าองค์กรตำรวจถูกโจมตีจากคนนอกว่าเป็นศูนย์รวมอาชญากรรมขนาดใหญ่ หมายถึงกรณีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือไม่ โดยกล่าวเพียงว่า “ไม่ขอตอบอะไรดีกว่า”
เมื่อถามต่อว่าการที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลรายวันนั้น เหมือนเป็นการแค้นส่วนตัวภายในองค์กรตำรวจหรือไม่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ หัวเราะก่อนตอบว่า ตนไม่ขอเอ่ยชื่อใคร ส่วนเรื่องความแค้นหรือไม่แค้น หรือมีอะไรจะพูดรายวันก็ให้พูดไป พวกเราเป็นตำรวจมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า
ส่วนกรณีที่มีอดีตนายตำรวจบางคนไม่พอใจและไปยื่นหนังสือ เนื่องจากมองว่าการเปิดเผยข้อมูลในลักษณะนี้เป็นการทำลายองค์กรตำรวจนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า อย่างที่ตนบอก บางประโยคหรือคำพูดที่ออกมาต้องรับผิดชอบ เพราะอาจจะกระทบกับความรู้สึกในจิตใจของข้าราชการตำรวจที่รับราชการอยู่ หรือนอกราชการอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะแสดงความคิดเห็น หรือแสดงสิทธิตามกฎหมาย ส่วนตนมีหน้าที่ต้องอดทน และขอก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า
ส่วรคำถามที่ว่า องค์กรตำรวจที่ถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนี้จะมีการ ฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง หรือไม่นั้น พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ระบุว่า เรื่องนี้ขอไปพิจารณา แต่โดยส่วนตัวแล้ว อยากให้แต่ละคนได้มีหิริโอตัปปะ มีธรรมะของตัวเอง พร้อมย้ำว่า คนที่ทำงานที่ดีในองค์กรตำรวจก็มี เรามีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน
“ผมไม่ต้องการแฟนคลับ ต้องการทำงาน และไม่ต้องการมายืนแบบนี้ด้วย แต่อยากให้ตำรวจทุกนายทำงาน มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเรื่องสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทำหน้าที่ป้องกัน ปราบปราม สืบสวนสอบสวน ช่วยเหลือ แต่ใครที่แอบแฝงอยู่ในวงการของเรา ขอให้ออกมา ผมเอาเรื่องทั้งหมด” ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.ตร. รู้สึกไม่เป็นธรรมต่อตำรวจที่ดีที่ตั้งใจทำงานเสียสละ จนถึงขั้นล้มป่วยหรือพิการขาขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมตั้งคำถามว่าคนเหล่านั้นเป็นสแกมเมอร์หรือไม่ โดยระบุว่า เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับคนที่เป็นตำรวจดี ส่วนคนไม่ดี หากมีหลักฐานชัดเจน ตนก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที ซึ่งมีหลายกรณีที่ดำเนินการแล้ว ทั้งให้ออกจากราชการ เอาผิดอาญา และเอาผิดทางวินัย โดยตนขอถือความสงบในใจเป็นหลัก
พร้อมกันนี้ ผบ.ตร. ยังแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดเวทีบันทึกความเข้าใจเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและตรวจสอบก่อนการโอนเงินในบัญชีธนาคารออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่หน่วยงานต่างๆ ต้องร่วมมือกัน
ในช่วงท้าย ผบ.ตร. ได้ฝากไปถึงคนนอกที่อยู่ในบ้านปทุมวัน (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ว่านี่คือบ้านเรา ที่เคยให้ที่พำนัก ที่อยู่ ที่กิน ให้เงินเดือน ให้เป็นอาชีพ เราต้องเข้าใจตำรวจในฐานะสถาบันและองค์กรที่ฝึกฝนเรามา ตนเองเติบโตมาจากครอบครัวตำรวจ และถูกฝึกอบรมจากโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ปลูกฝังวินัย ซื่อสัตย์ และอุดมคติของตำรวจไว้ในความคิด
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้อะไรกับเราจนเกษียณ เราพ้นราชการไปให้สวัสดิการเราอย่างไร เราต้องสำนึกต่อบุญคุณที่องค์กรนี้ให้มา การกล่าวหาต่อองค์กร เป็นเรื่องที่ร้ายแรงและรุนแรง กระทบต่อความรู้สึกและจิตใจของตำรวจทั้งประเทศ” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร. ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการหารือกันว่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ต่อกรณีที่มีคำพูดรุนแรง และพร้อมที่จะ รับคำพูด ความเห็น คำตำหนิ และจะปรับปรุงตัวเอง เพื่อเดินหน้าทำงานแก้ไขภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนี้ให้สำเร็จ ส่วนอะไรที่รุนแรงไป คนพูดก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น


