เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว นับตั้งแต่ หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันทีมชาติไทย ตัดสินใจหันหลังให้กับการเป็นนักกีฬาในสังกัดสมาคมแบดมินตัน แล้วออกมาเดินบนเส้นทางนักกีฬาอาชีพด้วยลำแข้งของตัวเอง ซึ่งการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในวันนั้น ได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นเธอในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นทั้งในสนามและนอกสนาม
เติบโตนอกสนาม กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ
หลังเลือกเดินบนเส้นทางอาชีพในฐานะนักแบดมินตันอิสระ เธอเผชิญหน้ากับความท้าทายสำคัญ ต้องคอยบริหารจัดการชีวิตตนเองทุกอย่าง ตั้งแต่หางบประมาณมาเป็นทุนให้กับตนเอง เพื่อนำไปจ้างโค้ชฝีมือดี มาช่วยวางแผนการฝึกซ้อมและกำหนดโปรแกรมแข่งขันแต่ละเดือน เพื่อให้มีโอกาสเก็บคะแนนสะสม คว้าเงินรางวัลและโทรฟีให้ได้มากสุด ซึ่งแตกต่างจากสมัยเป็นนักกีฬาในสังกัดของสมาคมฯ ที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเรื่องนอกสนามให้ทุกอย่าง
หมิว-พรปวีณ์ เปิดใจกับ THE STANDARD SPORT ว่า จากเส้นทางที่เธอเลือกมันทำให้เธอเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ “หนูรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมากเลยค่ะ หลังจากผ่านปัญหาหลายๆ อย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม การแข่งขัน ทุกที่มันมีปัญหาทั้งหมด แต่ว่าในปัญหาต่างๆ ที่หนูเจอ หนูสามารถแก้ไขมันได้”
การเจอปัญหาบ่อยๆ ทำให้เกิดประสบการณ์ ช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์โดยตรง ปัญหาที่เข้ามาสามารถช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่จะมองโลกในแง่ดีขึ้น รู้จักวิธีจัดการกับอุปสรรค เสริมสร้างทักษะการแก้ไขปัญหา สิ่งต่างๆ เหล่านี้คอยช่วยให้เธอแข็งแกร่งขึ้นและพร้อมรับมือความท้าทายใหม่ๆ อย่างเช่น ดราม่าซีเกมส์ครั้งใหญ่ของวงการแบดมินตันไทยที่เพิ่งผ่านพ้นไป ซึ่งเรื่องนี้หมิวถือเป็นบุคคลคนสำคัญที่ออกมา Call Out หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในวงการแบดมินตันไทย
หมิว เล่าต่อว่า “หนูรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หนูนิ่งขึ้นเยอะ แต่ก็ยังมีความเป็นตัวเอง มีความเป็นหมิวอยู่ จึงทำให้หนูกล้าที่จะออกมาพูดถึงปัญหาได้อย่างไม่กลัวอะไร”
“หนูก็รู้สึกภูมิใจนะคะที่ได้ออกมาเป็นกระบอกเสียงให้กับวงการแบดมินตัน เพราะข้างหลังก็มีคุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่าน ทักเข้ามาขอบคุณถึงสิ่งเราทำในครั้งนี้ ซึ่งหนูก็รู้ว่าการบริหารงานแบบนี้มันทำให้ทุกคนบั่นทอนจิตใจ เมื่อเราอยู่ในระบบนี้มันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
เติบโตในสนาม ผลงานดีสุดในการเล่นอาชีพ
ไม่ใช่แค่เรื่องนอกสนามที่เธอเติบโตขึ้น แต่ผลงานในสนามก็พัฒนาขึ้นจนอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเป็นนักแบดมินตันอาชีพเลยก็ว่าได้
ผลงานในปี 2025 ของนักแบดสาวไทยวัย 27 ปี สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ทัวร์นาเมนต์ระดับ เวิลด์ ทัวร์ ได้ถึง 3 รายการ คว้าแชมป์มาได้ 1 รายการ ส่งผลให้คะแนนสะสมอันดับโลกขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 6 ของโลก ซึ่งเป็นแรงกิ้งดีที่สุดในชีวิตเธออีกด้วย
เมื่อถามถึงความกดดันในการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งนี้ของ หมิว-พรปวีณ์ ซึ่งจะลงแข่งขันในฐานะเดี่ยวมือ 1 ในประเภททีมหญิงของไทย ยอมรับว่าแม้จะอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก แต่ก็ไม่มีความกดดัน
“จริงๆ หนูไม่กดดัน หนูรู้อยู่แล้วว่ามันจะมีความเข้มข้นในการแข่งกับมือ 1 ของแต่ละประเทศ จะพยายามเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องในสนาม กีฬามีแพ้ชนะก็ยอมรับได้เสมอ”
หมิว-พรปวีณ์ ทิ้งท้ายว่า “หลังจากจะกลับมาโฟกัสกับการเตรียมความพร้อมซีเกมส์มากขึ้น ส่วนเรื่องนอกสนามก็ให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไป”
อินโดนีเซีย คู่แข่งสำคัญทีมหญิงไทย
คู่แข่งสำคัญในประเภททีมหญิงของไทยในปีนี้ ยังคงเป็นอินโดนีเซีย อดีตคู่ชิงฯ ซีเกมส์ 2 ครั้งล่าสุดกับทีมสาวไทย เมื่อกวาดสายตาดูขุมกำลังประเภททีมของอินโดนีเซียหนนี้ นำทีมโดย ปูตรี กูซูมา วาร์ดานี มืออันดับ 7 ของโลก ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับหมิวที่จะแย่งแต้มของประเภทเดี่ยวมือ 1 ให้กับทีม
ฟอร์มในปี 2025 ของ ปูตรี กูซูมา วาร์ดานี อาจจะไม่ร้อนแรงเท่ากับปี 2024 ที่ผ่านเข้าชิงฯ รายการระดับเวิลด์ ทัวร์ ได้ถึง 3 รายการ แต่การคว้าเหรียญทองแดงได้ในศึกชิงแชมป์โลกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ถ้าหากวาร์ดานีเล่นตามฟอร์มของตัวเองเมื่อไหร่ เธอก็สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทุกคนเช่นกัน
ส่วนสถิติในการพบของหมิวและวาร์ดานี ปรากฏว่าเป็นนักแบดสาวไทยที่ทำได้ดีกว่า เก็บชัยชนะได้ 8 จาก 9 ครั้งที่เคยพบกัน
แบดมินตันแข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง
แบดมินตันในซีเกมส์ 2025 ชิงชัย 7 เหรียญทอง ประกอบด้วย ประเภทชายเดี่ยว, ประเภทหญิงเดี่ยว, ประเภทหญิงคู่, ประเภทชายคู่, ประเภทคู่ผสม, ประเภททีมชายและประเภททีมหญิง แข่งขันกันที่ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระหว่างวันที่ 7-14 ธันวาคม
สำหรับรายชื่อนักกีฬาแบดมินตันจำนวน 20 คน แบ่งเป็น นักกีฬาชาย 10 คน ประกอบด้วย วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์, กันตภณ หวังเจริญ, วงศ์ทรัพย์ วงศ์ทรัพย์อินทร์, พณิชพล ธีระรัตน์สกุล, เดชาพล พัววรานุเคราะห์, กิตตินุพงษ์ เกตุเรน, พรรคพล ธีระรัตน์สกุล, พีรัชชัย สุขพันธ์, รุษฐนภัต อูปทอง และ สุภัค จอมเกาะ
นักกีฬาหญิง 10 คน ประกอบด้วย หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์, ศุภนิตา เกตเกตุทอง, รัชนก อินทนนท์, บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์, อรณิชา จงสถาพรพันธุ์, สุกฤตา สุวะไชย, เบญญาภา เอี่ยมสอาด, ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, ศุภิสรา เพียวสามพราน และเฌอย์ณิชา สุดใจประการัตน์
สำหรับสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าไว้อย่างน้อย 2 เหรียญทอง จากประเภทหญิงเดี่ยวและทีมหญิง ซึ่งทีมขนไก่ไทยเป็นแชมป์เก่า อย่างไรก็ตามซีเกมส์ 3 ครั้งหลังสุดที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ (1985, 1995 และ 2007) ไม่มีนักแบดมินตันไทยคว้าเหรียญทองในบ้านตัวเองได้เลย ครั้งสุดท้ายที่คว้าเหรียญทองได้ในบนแผ่นดินไทยต้องย้อนกลับปี 1975 หนนั้นทำได้ 3 เหรียญทอง เป็นรองมาเลเซียชาติเดียวที่คว้าไป 4 เหรียญทอง
หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ จะลงแข่งขันซีเกมส์เป็นสมัยที่ 5 ก่อนหน้านี้คว้าไปแล้ว 4 เหรียญทอง แบ่งเป็น ประเภททีมหญิง 3 เหรียญทอง (2017, 2019 และ 2021) ประเภทหญิงเดี่ยว 1 เหรียญทอง (2021)
ส่วนในซีเกมส์หนนี้หมิวจะลงแข่งขันเพียง 1 รายการ ประเภททีมหญิงในฐานะเดี่ยวมือ 1 ของไทย ซึ่งเธอจะช่วยให้ทีมขนไก่ไทยคว้าเหรียญทองประเภทนี้ได้เป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกันได้หรือไม่ ไปติดตามเชียร์กันได้ในวันที่ 7-10 ธันวาคม
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag #เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์
