ก่อนหน้านี้เรามักได้ยินหรือพบเห็นชื่อของ ‘เชียงใหม่’ ปรากฏตามหน้าสื่อในฐานะเมือง / จังหวัดที่ประสบปัญหาด้านฝุ่นพิษ PM2.5 อยู่เป็นประจำ ตัวอย่างกรณีล่าสุดคือ เคสในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่พวกเขาติดลำดับ 3 เมืองที่มีปริมาณฝุ่นเกินมาตรฐานของโลกจากการเปิดเผยของ IQAir มาแล้ว
แม้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะพยายามเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พลเมืองในพื้นที่กันอย่างเต็มกำลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ยังดูเป็นอุปสรรคคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีที่ไม่สามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาด และแก้ไขได้ภายในระยะเวลาชั่วข้ามคืนอยู่ดี
จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราก็ได้เห็นความพยายามจากหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้การผลักดันของ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับการนำเทคโนโลยีอย่าง Big Data เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว
Envi Link ต้นแบบแพลตฟอร์มสิ่งแวดของประเทศไทยกับการปฏิรูปทดลองใช้งานจริงกับ ‘เชียงใหม่’
สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เปิดตัว ‘Envi Link’ ในฐานะแพลตฟอร์มด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยี Big Data ผ่านการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 30 หน่วยงานทั่วประเทศ รวมมากกว่า 200 ชุดข้อมูล มายกระดับแนวทางการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ให้เกิดประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง
ในระยะแรกนี้ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่จะนำร่องใช้งาน Envi Link กับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทดลองจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยข้อมูล และยกระดับคุณภาพอากาศ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืนของเมืองในระยะยาว เนื่องจากเชียงใหม่ถือเป็นเมืองที่มีความท้าทายด้านฝุ่นพิษ PM2.5 ของประเทศไทยต่อเนื่องยาวนานหลายปี
ศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การมีระบบข้อมูลที่เชื่อมโยงอย่าง Envi Link เข้ามาช่วยสนับสนุนจะเปรียบเสมือ ‘จุดเปลี่ยนสำคัญของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่’ เพราะจะช่วยให้เชียงใหม่มีข้อมูลเชิงลึกและแม่นยำมากขึ้นในการประเมินสถานการณ์ วางแผน และออกมาตรการได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะการใช้ Data Dashboard เพื่อให้ผู้บริหารสามารถติดตามสถานการณ์จริงในแต่ละพื้นที่ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและประเมินผลการดำเนินงานจากหลักฐานในเชิงข้อมูล (data-driven decision) ได้อย่างเป็นระบบ
ศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
“ความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับ BDI ในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการนำเทคโนโลยีข้อมูลมาช่วยแก้ปัญหาฝุ่นควัน แต่ยังเป็นต้นแบบของ ‘เมืองอากาศสะอาด’ ที่ภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาชนจะสามารถใช้ข้อมูลเดียวกันในการติดตามสถานการณ์และร่วมกันวางแผนป้องกันปัญหาได้อย่างมีส่วนร่วม ถือเป็นการยกระดับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงรุก ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริงและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI กล่าวถึงการเปิดตัว Envi Link ในครั้งนี้ว่า “BDI มุ่งมั่นใช้พลังของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในทุกมิติ
ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)
“รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นรากฐานของคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของประเทศ การเชื่อมโยงข้อมูลกว่า 200 ชุดผ่านแพลตฟอร์ม Envi Link จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างระบบข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งภาครัฐ นักวิจัย ภาคธุรกิจ และชุมชน เพื่อให้เกิดการตัดสินใจเชิงนโยบายที่แม่นยำและตรงจุด”
ทำไม Envi Link ถึงจะกลายเป็น Game Changer ที่สำคัญของการแก้ไขปัญหาฝุ่นในระยะยาวของประเทศไทย?
อย่างที่มีการเปิดเผยไปในก่อนหน้านี้ว่า สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเชื่อมโยงข้อมูลมากกว่า 200 ชุดเข้าด้วยกันนั้น
ข้อมูลที่ว่า หลัก ๆ แล้วจะเป็น Source ข้อมูลต้นกำเนิดของฝุ่นควันที่ครอบคลุมในทุกมิติ ตัวอย่างเช่น
- ปริมาณค่าฝุ่น
- จุดความร้อนในพื้นที่
- พื้นที่เผาไหม้
- การขอใช้ไฟในระบบ Fire-D
- สถานการณ์ผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศ
- ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศของหน่วยงานต่าง ๆ
- ฯลฯ
การ Pool รวมข้อมูลเหล่านี้ผ่าน Envi Link เพื่อจัดทำ Dashboard ในการมอนิเตอร์ปัญหาฝุ่นพิษได้แบบเรียลไทม์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้บริหารและหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อัปเดตและเชื่อมโยงกันได้แบบทันสถานการณ์
ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารจัดการปัญหาได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที และได้รับการผลักดันต่อยอดให้เป็นแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลาง เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามความเห็นที่ประชุมคณะทำงานพัฒนาแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนมาตรการลดมลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5)
ในอนาคต สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่มีแผนจะร่วมมือกับกลุ่มนักวิจัยในพื้นที่เพื่อขยายผลการใช้งานแพลตฟอร์ม Envi Link ไปยัง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ก่อนจะต่อยอดไปสู่การสร้างระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงกันในระดับภูมิภาคและทั้งประเทศเพื่อสนับสนุนการวางนโยบายเชิงพื้นที่ การบริหารจัดการไฟป่า และการลดปริมาณฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน
ทั้งยังรวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบเศรษฐกิจเพื่อวางนโยบายในการจัดการกับปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การติดตามพื้นที่เผาไหม้ตามชนิดพืชเศรษฐกิจจากภาพถ่ายดาวเทียม การแนะนำพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการปรับเปลี่ยนพืชในพื้นที่
ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะจะสามารถนำไปใช้วางแผน กำหนดนโยบายเชิงรุก ควบคุมด้านเศรษฐกิจและการทำการเกษตรอย่างจริงจังเพื่อลดการเผาให้ได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง
“การดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการข้อมูลสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อน Smart Environment ภายใต้นโยบายเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของรัฐบาล ที่มีมีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญออกแบบนโยบาย การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ” ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี กล่าวทิ้งท้าย