วันนี้ (15 ตุลาคม) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ประจำวันนี้ เวลา 07.00 น. พบว่าหลายพื้นที่ยังมีฝนตกหนักสะสม โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคตะวันออก ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์สูง
1. สถานการณ์ฝนและสภาพอากาศ:
ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง สูงสุด:
- ภาคกลาง: จังหวัดสมุทรสงคราม 108 มิลลิเมตร
- ภาคตะวันออก: จังหวัดชลบุรี 95 มิลลิเมตร
- ภาคเหนือ: จังหวัดเพชรบูรณ์ 95 มิลลิเมตร
- กรุงเทพมหานคร: 74 มิลลิเมตร
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ 84 มิลลิเมตร
- ภาคใต้: จังหวัดนราธิวาส 81 มิลลิเมตร
คาดการณ์ (16 – 20 ตุลาคม): ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำ:
- ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 86% ของความจุเก็บกัก (69,162 ล้าน ลบ.ม.)
- ปริมาณน้ำใช้การอยู่ที่ 78% (45,041 ล้าน ลบ.ม.)
ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สทนช. ได้เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีมติเห็นชอบการปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ดังนี้:
- เขื่อนสิริกิติ์: ปรับลดการระบายน้ำแบบขั้นบันได จากเดิม 30 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็น 25 และ 20 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน
- เขื่อนภูมิพล: ปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิม 5 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็น 10 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อให้ประชาชนท้ายน้ำมีน้ำใช้ในการเกษตรเพียงพอ
ทั้งนี้ ที่ประชุมเน้นย้ำว่าหลังจากช่วงฝนนี้ผ่านไป จะต้องมีการปรับแผนการระบายน้ำอีกครั้งเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะเริ่มในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
นอกจากนี้ สทนช. ยังได้หารือร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อวางแผนระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำที่ถูกน้ำท่วมขังตามข้อสั่งการของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยให้พิจารณาปรับแผนการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้อง เพื่อลดระดับน้ำในลำน้ำสาขาและระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังโดยไม่กระทบเป็นวงกว้าง
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ สทนช. ได้เตรียมการรับมือสถานการณ์ฝนที่จะตกหนักมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม เป็นต้นไป ทั้งการเฝ้าติดตามคาดการณ์สถานการณ์ และการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนบางลาง