FTSE Russell ประกาศอัปเกรดสถานะ ‘เวียดนาม’ จาก Frontier Market สู่ Emerging Market เข้าร่วมกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กันยายน 2569 โดยการอัปเกรดครั้งนี้คาดว่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ‘หลายพันล้านดอลลาร์’ ด้านรัฐบาลเวียดนามยังคงเดินหน้าเพื่อเป้าหมายถูกจัดเข้าสู่ดัชนีตลาดเกิดใหม่ของ MSCI ต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา FTSE Russell ประกาศอัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนามจาก Frontier Market สู่ Emerging Market โดยจะมีผลวันที่ 21 กันยายน 2569 หลังเวียดนามสามารถปรับโครงสร้างตลาดทุนให้ได้มาตรฐานสากล โดยหลักเกณฑ์สำคัญที่ FTSE ใช้อัปเกรดสถานะเวียดนามมี ดังนี้
- มีมูลค่าซื้อขายและบริษัทจดทะเบียนมากเพียงพอ: โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดหุ้นเวียดนามได้เกิน 250,000 ล้านดอลลาร์ และมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
- ยกเลิกระบบ Pre-Funding ไม่ต้องวางเงินล่วงหน้าก่อนซื้อหุ้น: โดยเวียดนามได้ยกเลิกระบบดังกล่าวในปี 2024 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ได้อัปเกรดครั้งนี้
- ระบบชำระราคา (Settlement) ต้องเป็นระบบชำระภายใน 2 วันทำการ (T+2) : โดยเวียดนามได้ใช้ระบบ KRX จากเกาหลีใต้ ที่ทำให้การซื้อขายและชำระเงินเร็วขึ้น
- ความโปร่งใสและกฎหมายตลาดทุน: โดยเวียดนามปรับกฎหมายหลักทรัพย์และระบบเปิดเผยข้อมูล ที่ได้มาตรฐานสากล
คาดการอัปเกรดจ่อดึงเงินทุนไหลเข้าเวียดนาม ‘หลายพันล้านดอลลาร์’
โดย VinaCapital บริษัทบริหารจัดการการลงทุนรายใหญ่จากเวียดนามประเมินว่า การยกระดับครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของตลาดหุ้นเวียดนาม โดยคาดว่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศราว 5-6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ตลาด ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนต่ำลง
ขณะที่ HSBC ประเมินว่า การได้เข้าร่วมในดัชนีระดับสากลครั้งนี้อาจดึงดูดเงินทุนได้ถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนประเภท Active Fund และอีก 10.4 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนประเภท Passive Fund
แกรี่ แฮร์รอน หัวหน้าฝ่ายบริการหลักทรัพย์ของ HSBC เวียดนาม กล่าวว่า “สำหรับเวียดนาม การหลุดพ้นจากสถานะ Frontier Markets จะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ และช่วยลดการพึ่งพาคู่ค้ารายใดรายหนึ่งลง”
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า การได้รับการยอมรับในระดับ ‘Emerging Market’ สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตและความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งกำลังกลายเป็นหนึ่งในตลาดทุนที่น่าจับตาที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังคงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ดัชนีตลาดเกิดใหม่ของ MSCI ด้วยเช่นกัน โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไปพบปะกับผู้จัดทำดัชนีดังกล่าวที่สิงคโปร์และฮ่องกง
FTSE Russell ระบุว่า การอัปเกรดสถานะครั้งนี้ยังคงต้องผ่านการทบทวนอีกครั้งในเดือนมีนาคมปีหน้า
เปิดการจัดกลุ่มตลาดหุ้นทั่วโลก โดย FTSE Russell
FTSE Russell ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดัชนีชั้นนำ จะประเมินและแบ่งกลุ่มตลาดหุ้นแต่ละประเทศออกเป็นประเภทต่างๆ ตามระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและมูลค่าไปถึงคุณภาพของตลาด โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
- Developed Markets
- Advanced Emerging Markets
- Secondary Emerging Markets
- Frontier Markets
ส่องสถานะ ‘ตลาดหุ้นอาเซียน’ ตามการจัดอันดับของ FTSE Russell
🇸🇬 สิงคโปร์: Developed Markets
🇲🇾 มาเลเซีย: Advanced Emerging Markets
🇹🇭 ไทย: Advanced Emerging Markets
🇮🇩 อินโดนีเซีย: Secondary Emerging Markets
🇵🇭 ฟิลิปปินส์: Secondary Emerging Markets
🇻🇳 เวียดนาม: Frontier Markets (ปรับเป็น Secondary Emerging Markets มีผลวันที่ 21 กันยายน 2569)
ทั้งนี้ ไทยได้รับการยกระดับสู่ Advanced Emerging Market ตั้งแต่ปี 2555 แล้ว สะท้อนว่าไทยอยู่ในสถานะนี้มา 13 ปีแล้ว
โดยเมื่อเทียบผลตอบแทนพบว่า นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย ให้ผลตอบแทนลดลง 8.09% (YTD) ขณะที่ ดัชนี VN-Index ของตลาดหุ้นเวียดนาม ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 37% (YTD) 95% (YTD)
ภาพ: Asia Images / Shutterstock
อ้างอิง:
- https://www.lseg.com/content/dam/ftse-russell/en_us/documents/country-classification/matrix-of-markets.pdf
- https://asia.nikkei.com/business/markets/equities/ftse-russell-grants-vietnam-stock-market-secondary-emerging-status
- https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Info365-Vietnam-Emerging-Market-FB-09-10-25.aspx