วันนี้ (8 ตุลาคม)มีการจัดพิธีอย่างสมเกียรติเพื่อส่งร่างและดวงวิญญาณของ ‘พลายบุญแสน’ ช้างตระกูลแสนเชือกที่ 10 ซึ่งล้มลงอย่างสงบเมื่อเวลา 00.23 น. ของวันเดียวกัน รวมอายุได้ 61 ปี
โดยมี พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะสงฆ์ และ ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จังหวัดลำปาง นำทีมสัตวแพทย์ ควาญช้าง และกลุ่มญาติธรรมเข้าร่วมในพิธี
พิธีส่งร่างพลายบุญแสนจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ทรงเกียรติ ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง คณะสงฆ์ได้ประกอบพิธีสวดส่งวิญญาณ วางผ้าบังสกุล และโปรยดอกไม้ เพื่อเป็นการอำลาและถวายเกียรติแก่ช้างผู้เป็นที่รักของคนไทย โดยร่างของพลายบุญแสนจะถูกฝังอยู่ภายในพื้นที่ศูนย์ฯ ใกล้กับหลุมฝังของพังกันยา ลูกช้างป่าที่ล้มไปก่อนหน้านี้
พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงฯ ได้กล่าวไว้อาลัยถึงพลายบุญแสน ซึ่งเคยมีชื่อเดิมว่า พลายสว่าง ว่า “พลายบุญแสนเป็นช้างที่เปี่ยมด้วยเมตตาและความอดทน เป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลแสนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการอนุรักษ์ช้างไทย เราภาคภูมิใจที่ได้มอบชีวิตบั้นปลายของเขาให้สงบสุขภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่และคนรักช้างทั่วประเทศ”
พลายบุญแสนเกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2507 เคยผ่านการทำงานหนักมาอย่างโชกโชน ทั้งการเป็นช้างลากไม้กลุ่มสุดท้ายในอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และถูกใช้งานเป็นช้างนั่งแหย่งรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จุดเปลี่ยนในชีวิตของพลายบุญแสนเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2565 เมื่อพระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงฯ พร้อมด้วยกลุ่มคนรักช้างและญาติธรรม ได้ร่วมระดมทุนจำนวน 350,000 บาท เพื่อไถ่ชีวิตพลายสว่างให้พ้นจากการทำงานหนัก และได้ย้ายมาพักพิงอย่างสงบที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง พร้อมตั้งชื่อใหม่ว่าพลายบุญแสน”เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งบุญและความแสนดี
ต่อมา พระครูอ๊อดได้ทำหนังสือมอบพลายบุญแสนให้เป็นมรดกของแผ่นดิน เพื่อให้เป็นช้างของคนไทยทุกคน และนับเป็นช้างอาวุโสที่สุดในตระกูลแสน
การจากไปของพลายบุญแสนในครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญในวงการอนุรักษ์ช้างไทย แต่ก็เป็นการปิดฉากชีวิตอย่างงดงามของช้างผู้ซื่อสัตย์ ที่ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีศักดิ์ศรี ภายใต้ความรักและความเมตตา ในฐานะช้างมรดกของแผ่นดินอย่างแท้จริง