×

F1 x AWS เบื้องหลังการขับเคลื่อน Data ในสนามแข่งรถที่เร็วที่สุดในโลก

06.10.2025
  • LOADING...
F1 x AWS

เสียงเครื่องยนต์ V6 Hybrid กระหึ่มสะท้อนจากผนังอาคารกระจกของ Marina Bay Street Circuit

 

ขณะ Lewis Hamilton เดินผ่านหน้าเราไปพร้อมแววตาที่แข่งขันกับเวลา

 

ทุกคนที่นี่รู้ดีว่า ในกีฬาที่ส่วนต่างของชัยชนะวัดกันด้วยเสี้ยววินาที

 

แต่สิ่งที่อยู่หลังสนามนี้ ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว 

 

แต่มันคือระบบ Cloud ของ Amazon Web Services (AWS) ที่ทำให้ F1 กลายเป็น Data Sport ที่เชื่อมโยงคนทั่วโลกเข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์

 

ซึ่งก็คือเหตุผลที่ทำให้ THE STANDARD SPORT มาอยู่ใน Paddock รอบ FP1 ของสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

เรามาเพื่อค้นหาเบื้องหลังการทำงานของ Data หรือข้อมูลมหาศาลที่วนเวียนอยู่ในการแข่งขันรถยนต์ความเร็วสูงนี้ ด้วยพาร์ตเนอร์คนสำคัญของกีฬา F1 ที่มีชื่อว่า AWS หรือ Amazon Web Services ที่เป็น Cloud Service Provider ให้กับ F1 มาตั้งแต่ปี 2018

 

F1 x AWS เมื่อปรัชญาของบริษัทเทคมีหัวใจอยู่ที่ผู้คน

 

 

“สิ่งที่เราพยายามเสมอคือ Do More With Less (ทำให้ได้มากขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง) และทุกอย่างที่เราสร้างขึ้น เริ่มจากความต้องการของลูกค้า”

 

– Jaime Vallés รองประธานของ AWS Asia Pacific and Japan

 

นี่คือหัวใจสำคัญแรกๆ ที่เราได้ยินตอนที่เดินทางเข้าถึง AWS Innovation Hub แห่งแรกของเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศสิงคโปร์

 

ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้คือการแสดงตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างองค์กรที่มองหาหนทางในการ Do More With Less ร่วมกัน

 

ตัวอย่างที่น่าสนใจเบื้องต้นคือ “กระจก Virtual Try-On” เมื่อคุณเดินเข้าไปถ่ายภาพ คุณจะได้สวมชุดที่อยากลองในภาพที่ปรากฏขึ้นภายในไม่ถึง 5 นาที

 

นวัตกรรมนี้ช่วยเหลือร้านค้าที่อาจมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ในการลองเสื้อ หรือการลองเสื้อจากบ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปที่หน้าร้านเลย

 

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างอีกมากมายในการทำงานร่วมกับองค์กรรูปแบบต่างๆ เพื่อหาโซลูชันใหม่ๆ

 

แต่สิ่งที่เราสนใจที่สุดแน่นอนคือ F1

 

F1 คือกีฬาที่ทุกคนรู้จักว่า “ความเร็วคือหัวใจสำคัญของทุกอย่าง”

 

เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่เสียไป ไม่ว่าจะเป็นในสนาม, ใน Paddock, ใน Wind Tunnel หรือในห้องทำงานของผู้บริหาร อาจเป็นจุดตัดสินว่าพวกเขาจะคว้าชัยในสนามต่อไป หรือจบอันดับที่ 8 ได้เลยทีเดียว

 

และแน่นอนว่าทุกอย่างถูกจำกัดด้วย “กฎจำกัดงบประมาณ” และ “กฎของ FIA” ที่จะเปลี่ยนแปลงไปมากในปี 2026

 

“สิ่งที่เราเรียนรู้จาก F1 คือเมื่อคุณปรับอะไรบางอย่างเพียงน้อยนิด บางครั้งมันอาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ที่ยกระดับคุณจากการจบอันดับที่ 8 ไปสู่ชัยชนะ”

 

เริ่มต้นจากคำกล่าวเปิดงานของ Jaime Vallés

 

เราก็ได้เห็นแล้วว่า “Do More With Less” คือแก่นเดียวกับสิ่งที่ทีม F1 ทุกทีมต้องทำในสนาม เมื่อกฎจำกัดงบประมาณ การแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วของรถ แต่คือ “ความเร็วของความคิด”

 

เมื่อ Data ขับเคลื่อนเร็วกว่าเครื่องยนต์

 

 

“สมัยก่อนผมพกเครื่องพิมพ์ดีดไปตามการแข่งขันจักรยาน Giro d’Italia

 

นั่งหลังรถและเขียนข่าวเพื่อเตรียมส่งให้ถึงมือคนอ่านในหนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้น”

 

คือสิ่งที่เราเคยได้จากการสัมภาษณ์นักหนังสือพิมพ์ชาวอิตาเลียนของ Corriere della Sera ในยุค 1970 

 

แต่สิ่งที่เราได้ยินจาก Adrian De Luca เจ้าหน้าที่ของ AWS มันทำให้เราตกใจมากว่า “เราอยู่ตรงไหนแล้วในยุคปัจจุบัน”

 

“ด้วยระบบ Cloud ของ AWS ที่มี 300 เซ็นเซอร์บนตัวรถ F1

 

เราส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุความถี่ต่ำที่มีเสารับอยู่รอบสนามทุก 150–200 เมตร ไปยังศูนย์เทคโนโลยีของการแข่งขัน (Event Technology Centre) ก่อนจะเชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางข้อมูลของ F1 ที่อังกฤษ

 

ที่นั่น ระบบ Cloud ของ AWS จะรับข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบวิเคราะห์แบบเรียลไทม์

 

ประมวลผลด้วย Machine Learning และ AI จนสามารถแสดงผลลัพธ์ให้ทั้งทีม, ผู้บรรยาย และผู้ชมทั่วโลกเห็นข้อมูลก่อนที่นักแข่งจะถึงโค้งถัดไป

 

สิ่งที่ช้าที่สุดในขั้นตอนนี้เหรอ? คือเวลาที่ใช้ในการอธิบายแผนจากปากของทีมที่ Pit Wall สู่นักแข่งในสนาม”

 

Data – Cloud – Broadcaster = การเล่าเรื่องใหม่ของกีฬา 

 

 

หากคุณติดตามกีฬาในยุคปัจจุบัน

 

ประสบการณ์การรับชมการถ่ายทอดสด โดยเฉพาะ F1 — AWS นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับสิ่งที่เราเห็นทุกวันนี้ผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือมือถือ

 

พวกเขาทำงานร่วมกับ PGA Tour, บุนเดสลีกา เยอรมนี, NFL, NBA, Australian Open และทีมว่ายน้ำชาติออสเตรเลีย

 

ตัวอย่างที่น่าตื่นเต้นคือ Australian Open และทีมว่ายน้ำชาติออสเตรเลีย

 

Australian Open ใช้เทคโนโลยีคำนวณท่าของนักกีฬาเทนนิสในสนามแบบเรียลไทม์ผ่านมุมกล้องถ่ายทอดสด

 

และเมื่อปี 2025 ที่ผ่านมา พวกเขายกระดับด้วยการถ่ายทอดสด “ตัวละครการ์ตูนของนักเทนนิส” ใน YouTube ไปพร้อมกับการแข่งขันจริง

 

ซึ่งโชว์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถ

  • เก็บรวบรวมข้อมูล 
  • ส่งต่อผ่านระบบ Cloud 
  • คำนวณแบบเรียลไทม์ 
  • ส่งสัญญาณกลับมาเป็นคอนเทนต์ที่พร้อมใช้งานได้ทันทีแบบต่อเนื่อง 

หัวใจสำคัญที่ทีม AWS บอกเราคือ ระบบนี้ต้องไม่มี “Latency” หรือความหน่วงในการเดินทางของข้อมูล

 

ไม่มี Latency หมายถึงไม่มีขีดจำกัด

 

 

จากที่ได้เห็นการทำงานเบื้องหลังของ AWS ที่ช่วยยกระดับกีฬา

 

ด้วยการเล่าเรื่องผ่าน Data Storytelling บนจอถ่ายทอดสด

 

เราจะเห็นได้ว่าหัวใจทั้งหมดคือ “การกำจัด Latency”

 

เมื่อข้อจำกัดนี้หายไป พวกเขาสามารถตอบโจทย์การรับชมกีฬาในยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์

 

Olivier Klein, APJ Chief Technologist ของ AWS อธิบายกับ THE STANDARD SPORT ว่า

 

ตอนนี้เราอยู่ในโลกของ “2 Screen System” หรือโลกการดูกีฬาแบบสองจอ

 

เราดูแบบ Linear เช่น F1 หรือฟุตบอล ผ่านจอหลัก

 

พร้อมกับดูหน้าจอมือถือ เป็นหน้าจอที่ 2 เพื่อดูสถิติ, ปฏิกิริยาแฟนๆ, หรือไฮไลต์สั้นๆ ของจังหวะสำคัญ

 

พฤติกรรมนี้คือ “โลกใหม่ของการรับชมกีฬา” ซึ่ง AI, Machine Learning และ Cloud Provider อย่าง AWS ทำให้ผู้ถ่ายทอดสดหรือองค์กรกีฬาสามารถใช้ Data ตอบสนองผู้ชมได้ทันที 

 

รวมถึงยังสามารถช่วยทำข้อมูลให้ โค้ช นักกลยุทธ์ หรือ นักกีฬาปรับตัวในระหว่างการแข่งขันได้อีกด้วย 

 

เมื่อถามถึงอนาคตอันใกล้ของฟุตบอลโลก 2026

 

Oliver มองว่าประสบการณ์การรับชมจะยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

โดยเฉพาะ “ประสบการณ์ในสนาม” ที่ข้อมูลจะถูกนำไปใช้สร้างบริการเฉพาะบุคคลตามความชอบของผู้ชมในแบบที่ไม่เคย

 

แล้วคนอยู่ตรงไหนของสมการนี้? 

 

 

“คุณสังเกตไหม ใน Innovation Hub ของ AWS ไม่มีหลักการข้อไหนเลยที่ใช้คำว่า ‘เทคโนโลยี’”

 

เจมส์ วัลเลส (Jaime Vallés) รองประธาน AWS ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวกับเราระหว่างการบรรยาย

 

เขาอธิบายว่า หัวใจของ AWS ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ “วัฒนธรรม”

 

เพราะเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งที่ผลักดันให้นวัตกรรมเกิดขึ้นจริงคือ “คน”

 

AWS เริ่มทุกโครงการด้วยคำถามง่ายๆ ว่า “ลูกค้าต้องการอะไร”

 

จากนั้นจึงออกแบบแนวคิด กลยุทธ์ และความร่วมมือเพื่อตอบโจทย์นั้นให้ดีที่สุด

 

หลักคิดนี้ไม่ต่างจาก F1 กีฬาที่ดูเหมือนแข่งกันด้วยเครื่องยนต์

 

แต่จริงๆ แล้วคือการแข่งขันด้วย “ทีม” และ “การสื่อสาร”

 

อเล็กซ์ อัลบอน เคยบอกเราว่า ไมเคิล ชูมัคเกอร์ คือคนที่เขายกย่องที่สุด

 

ไม่ใช่เพราะความเร็ว แต่เพราะความเป็นผู้นำ ที่ทำให้ทีมทั้งหมดเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

 

“ผมชอบทำงานกับกีฬา เพราะมันคือโลกของความเป็นที่สุด”

 

เจมส์บอกเรา “โดยเฉพาะ F1 ห้องทดลองที่รวมนวัตกรรม วิศวกรรม และวัฒนธรรมการทำงานไว้ในที่เดียว”

 

รูธ บัสคัม นักกลยุทธ์ F1 เสริมอีกมุมว่า

 

“คุณจะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีค่า ถ้าสื่อสารกับทีมไม่ได้ เพราะกลยุทธ์ที่ดีต้องถูกเข้าใจและลงมือทำจริง”

 

สุดท้าย เมื่อเรามองภาพของ F1 x AWS ระบบข้อมูลเรียลไทม์ที่คำนวณได้ก่อนรถจะถึงโค้งถัดไป

 

มันชัดเจนมากว่า ในโลกการทำงานยุคนี้ ความได้เปรียบไม่ใช่แค่เทคโนโลยี

 

แต่คือ “วัฒนธรรมที่พร้อมปรับตัวเร็วกว่า”

 

และบางที “กลยุทธ์ที่ดีที่สุด” อาจเริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ ว่า

 

เราเข้าใจสิ่งที่คนต้องการจริงๆ แล้วหรือยัง?

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising