วันนี้ (6 ตุลาคม) เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยโจมตีว่านายกรัฐมนตรีไม่ลงพื้นที่น้ำท่วมว่า อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่ก่อนแถลงนโยบายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ทั้งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ ในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน เรื่องแรกที่ท่านให้ความสำคัญคือปัญหาน้ำท่วม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
สำหรับกรณีที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ชายแดนมากกว่าพื้นที่น้ำท่วมนั้น สิริพงศ์กล่าวว่า เป็นเพราะแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง หลังจากแม่ทัพคนเดิมเกษียณอายุราชการ การลงพื้นที่จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจและยืนยันกับฝ่ายความมั่นคงว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงติดตามมติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้นายกรัฐมนตรีอยู่ชายแดน ก็ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีคนอื่นๆ ลงพื้นที่ เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการ ติดตามดูแลสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการดูแลแบบครบวงจร ไม่ใช่เพียงลงพื้นที่ตอนน้ำลด แต่รวมถึงการอพยพประชาชน การตัดกระแสไฟฟ้าในพื้นที่เสี่ยง และการดูแลผู้ป่วยติดเตียงด้วย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ตัดหน้านายกรัฐมนตรีนั้น สิริพงศ์กล่าวว่า ตนเองไม่ได้มองว่าการลงพื้นที่ก่อนจะถือเป็นการตัดหน้า เพราะการไปก่อน ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานได้ดีกว่า
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 4–5 ตุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวงร่วมกันดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงบ่ายวันนี้นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วย
สิริพงศ์กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ (5 ตุลาคม) นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจหัวใจติดปีกและระหว่างรอก็ได้แวะเยี่ยมประชาชน ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีในการดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับทั้งการป้องกัน การอพยพ และการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเต็มที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยเป็นกรรมการบริหารบริษัทเอกชน และมีผู้ร้องเรียนในหลายคดี จึงอาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมที่จะมากำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นั้น สิริพงศ์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย หากเห็นว่ามีข้อสงสัยก็สามารถดำเนินการได้ แต่ยืนยันว่าก่อนแต่งตั้งรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีได้ตรวจสอบคุณสมบัติของทุกคนครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ ความไม่พอใจของบางฝ่ายอาจเกิดจากการที่รัฐมนตรีบางคนเคยร่วมงานกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมาก่อน
