KResearch มอง ‘Quick Win’ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มาก ชี้วินัยการคลังยังเป็นโจทย์ใหญ่ ขณะที่ ‘อายุการทำงานสั้น’ อาจกดดันประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ประเมินนโยบายเศรษฐกิจ ‘รัฐบาลอนุทิน’ หลังมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29-30 กันยายน 2568
โดยมองว่านโยบาย Quick Win จะช่วยบรรเทาค่าครองชีพและประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่วนนโยบายระยะยาว คาดว่ารัฐบาลจะมีแผนเพิ่มศักยภาพทางการคลัง (Fiscal Consolidation Plan) ที่ชัดเจนในระยะต่อไป
นโยบายระยะสั้นช่วยประคองเศรษฐกิจปลายปี
สำหรับนโยบายในระยะสั้น ซึ่งมีการมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นกำลังซื้อ แก้ปัญหาหนี้ ฟื้นภาคการท่องเที่ยว ดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) และดูแลผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ทาง KResearch คาดว่าจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพในระยะสั้น และประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ทั้งนี้ KResearch ประเมินว่า โครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ จะเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มเติมราว 0.15% ของ GDP และมีแรงหนุนเพิ่มเติมต่อ GDP ไม่มากนัก เนื่องจากเป็นวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งถูกจัดสรรไว้ในงบประมาณเดิมอยู่แล้ว ตลอดจนกำลังซื้อยังคงอ่อนแรง ทำให้แนวโน้มการบริโภคส่วนเพิ่ม (MPC) ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ดี KResearch ชี้ว่ายังคงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับงบประมาณและเงื่อนไขการใช้จ่าย ตลอดจนสิทธิประโยชน์ที่กำหนด จึงจะสามารถประเมินผลกระทบได้อย่างแม่นยำ
ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว KResearch คาดว่ารัฐบาลอาจพิจารณาออกมาตรการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งต้องรอรายละเอียดที่จะออกมา โดยผลต่อเศรษฐกิจคงขึ้นอยู่กับวงเงิน ช่วงเวลา พื้นที่และเงื่อนไขในการใช้จ่าย
โดย KResearch มองว่า การออกมาตรการในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอาจช่วยหนุนการเข้าร่วมโครงการได้ดีกว่าในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวที่สภาพภูมิอากาศแปรปรวนซึ่งอาจกระทบการพิจารณาเดินทางท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี KResearch มองว่าการท่องเที่ยวในประเทศยังเผชิญปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและรายได้ รวมถึงแนวโน้มการเดินทางไปต่างประเทศของคนไทยที่ปัจจุบันมีความสะดวกและคุ้มค่ามากขึ้นจากการทำตลาดของบริษัทนำเที่ยว พร้อมชี้ว่าจำเป็นต้องฟื้นความเชื่อมั่น เพื่อเพิ่มการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่อาจต้องเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรง
KResearch มองรัฐบาลใหม่เน้นรักษาวินัยทางการคลัง
อย่างไรก็ตาม KResearch แสดงความกังวลต่อข้อจำกัดของพื้นที่การคลัง (Fiscal Space) รวมถึงข้อกังวลสถานะการคลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ซึ่งกดดันให้รัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องเข้มงวดกับกรอบวินัยทางการคลังมากขึ้น
ทั้งนี้ KResearch ประเมินว่านโยบายเศรษฐกิจในระยะปานกลางถึงยาว จะมุ่งเน้นไปที่การรักษาวินัยทางการคลัง และเน้นปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม (Reinvent Thailand)
ซึ่ง KResearch คาดว่าในระยะต่อไป รัฐบาลจะมีแผนเพิ่มศักยภาพทางการคลัง (Fiscal Consolidation Plan) ที่ชัดเจนในการปฏิรูปโครงสร้างภาษีเพื่อเพิ่มฐานการจัดเก็บรายได้ภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
กรอบเวลาสั้นๆ ท้าทายการเบิกจ่ายงบ
นอกจากนี้ KResearch ยังแสดงความกังวลต่อ กรอบเวลาบริหารราชการซึ่งมีระยะสั้น จากการที่ต้องให้ยุบสภาภายใน 4 เดือน รวมถึงความท้าทายในการผลักดันนโยบายหลักเนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตลอดจนการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งคาดว่าจะมีระยะเวลาทั้งสิ้นราว 8 เดือน เมื่อนับรวมช่วงรัฐบาลรักษาการ
อย่างไรก็ตาม KResearch ชี้ว่า ภายใต้กรอบเวลาสั้นๆ รัฐบาลสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะงบลงทุน ในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2568 (เดือนมิ.ย.-ก.ย.) ได้ หลังการเบิกจ่ายมีการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ตามข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.ย. 2568 การเบิกจ่ายงบลงทุนของปีงบประมาณ 68 ยังคงต่ำกว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนของปีงบประมาณ 2567 โดยการเบิกจ่ายงบลงทุน ของปีงบประมาณ 68 อยู่ที่ 60% ขณะที่การเบิกจ่ายงบลงทุน ของปีงบประมาณ 67 อยู่ที่ 65%
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2569 KResearch คาดว่าจะมีแนวโน้มต่ำกว่าปีก่อน จากปัจจัยฐานสูงจากความต่อเนื่องของการเร่งรัดการเบิกจ่ายหลังงบประมาณปี 2567 อนุมัติล่าช้า
ภาพประกอบ: ณัฏฐ์กานต์ ดวงมาตย์พล