วานนี้ (1 ตุลาคม) ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้กรุงเทพมหานครพิจารณาทบทวนสัญญาให้บริการติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ที่ทำร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยให้เหตุผลว่า สัญญาระยะเวลา 25 ปีดังกล่าวอาจไม่คุ้มค่าเท่ากับการลงทุนติดตั้งเอง
พุทธิพัชร์ ชี้แจงว่า ภายหลังการลงนาม MOU กฟน. ได้สำรวจพื้นที่สังกัด กทม. เพื่อติดตั้งโซล่าเซลล์รวมประมาณ 33,000 กิโลวัตต์ โดยมีระยะเวลาสัญญา 25 ปี และเสนอส่วนลดค่าบริการต่อหน่วย 20% จากค่าไฟฟ้าฐานตามช่วงเวลาการใช้ (TOU) ซึ่งคาดการณ์ผลประหยัดรวมตลอด 25 ปี ไว้ที่กว่า 36 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ส.ก. คำนวณว่า หาก กทม. ลงทุนติดตั้งเอง ต้นทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท จะสามารถ คืนทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี และหลังจากนั้นจะสามารถใช้ไฟฟ้าฟรีได้โดยไม่ต้องผูกพันสัญญากับ กฟน.
“ข้อด้อยที่เห็นได้ชัดคือ ผลประโยชน์ระยะยาว มูลค่าสะสม การถือครองทรัพย์สิน และคาร์บอนเครดิต” พุทธิพัชร์ระบุ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีการกำหนดให้ กทม. ต้องติดตั้งมิเตอร์ TOU ส่วนลดค่าบริการที่แท้จริงจะเหลือเพียง 4% เท่านั้น
สมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่ร่วมอภิปรายต่างเห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว เมธาวี ธารดำรง ส.ก.เขตปทุมวัน และ นภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ระบุว่า การติดตั้งเองจะคุ้มค่ากว่ามาก เนื่องจากจุดคุ้มทุนอยู่ที่ประมาณ 5-6 ปี ขณะที่แผงโซล่าเซลล์มีการรับประกันนานถึง 25 ปี และเห็นว่าโรงเรียนในสังกัด กทม. ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้าเวลากลางวันควรเร่งติดตั้งเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ขณะที่ พีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท ได้อภิปรายถึงสัญญาที่มีบางส่วนกำหนดให้ ห้ามเปิดเผย ซึ่งขัดต่อนโยบายความโปร่งใสของผู้ว่าฯ ชัชชาติ และเกรงว่าจะซ้ำรอยโครงการที่เกิดปัญหาในภายหลัง จึงฝากฝ่ายบริหารพิจารณาแก้ไขสัญญาให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้
วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า โครงการนี้เป็นไปตามนโยบายที่ฝ่ายบริหารผลักดัน และการทำสัญญากับ กฟน. เริ่มต้นที่โรงควบคุมคุณภาพน้ำ 8 แห่ง ซึ่งมีการใช้ไฟฟ้ามากตลอดเวลา โดยโครงการนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณของ กทม.
วิศณุยืนยันว่า ส่วนลด 20% จากค่าไฟมิเตอร์ TOU (On Peak และ Off Peak) จะคงที่ตลอด 25 ปี แม้มีการขึ้นค่าไฟฟ้า กทม. ก็จะเสียค่าไฟเท่าเดิมตามสัญญา ทำให้ กทม. ได้รับความคุ้มค่าแน่นอน ส่วนกรณีโรงเรียนที่หยุดเสาร์-อาทิตย์ จะนำกลับไปพิจารณาต่อไป
สำหรับประเด็นการห้ามเปิดเผยสัญญา วิศณุชี้แจงว่า เป็นไปตามคำสั่งของ อัยการสูงสุด เพื่อไม่ให้คู่สัญญาเสียเปรียบคู่ค้าอื่น ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากสภาฯ ต้องการให้เปิดเผย จะนำกลับไปปรึกษาหารือกับคู่สัญญาเพื่อหาแนวทางต่อไป
ท้ายที่สุด ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบกับญัตติด่วนดังกล่าว และส่งให้ฝ่ายบริหารนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป