เจน กูดดอลล์ ผู้บุกเบิกวงการนักวานรวิทยาชาวอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นนักอนุรักษ์ และนักมานุษยวิทยาระดับตำนาน เสียชีวิตแล้วในวัย 91 ปี ขณะกำลังเดินสายให้ความรู้ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
รู้จัก เจน กูดดอลล์
เจนเกิดที่ลอนดอนในปี 1934 และเติบโตในบอร์นมัท โดยเธอไม่สามารถเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้เนื่องจากปัญหาทางด้านการเงิน เธอเคยทำงานเป็นเลขานุการและทำงานในบริษัทภาพยนตร์ ก่อนที่จะเดินทางไปเคนยาในปี 1957 ตามคำเชิญชวนของเพื่อน
การพบกับนักมานุษยวิทยาและนักบรรพชีวินวิทยาชื่อดัง ดร.หลุยส์ ลีกกีย์ และแมรี ลีกกีย์ ภรรยาของเขา ทำให้เธอเริ่มทำงานกับไพรเมต และภายใต้การดูแลของลีกกีย์ เจนได้จัดตั้งเขตอนุรักษ์ชิมแปนซีที่ Gombe Stream (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Gombe Stream Research Centre) ใกล้ทะเลสาบแทนกันยิกาในแทนซาเนีย
ในปี 1977 เธอได้ก่อตั้ง Jane Goodall Institute (JGI) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งสนับสนุนงานวิจัยที่กอมเบ รวมถึงความพยายามในการอนุรักษ์และการพัฒนาทั่วแอฟริกา งานของสถาบันได้ขยายไปทั่วโลกและรวมถึงความพยายามในการจัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการสนับสนุน
เจนยังได้ล้มล้างบรรทัดฐานทางวิทยาศาสตร์ในขณะนั้น โดยการ ตั้งชื่อชิมแปนซีแทนที่จะใช้หมายเลข เธอยังสังเกตบุคลิกที่แตกต่างกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัว และอารมณ์ของบรรดาชิมแปนซีในการทำงานอีกด้วย ทั้งยังค้นพบว่า ชิมแปนซีกินเนื้อ และต่อสู้กันอย่างดุเดือด รวมถึงรู้จักสร้างเครื่องมือที่จะช่วยให้สามารถกินปลวกได้สะดวกยิ่งขึ้น
เจนเปลี่ยนความรักในไพรเมตสมัยเด็ก ให้กลายเป็นพลังในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการจะปกป้องสิ่งแวดล้อม การค้นพบของเธอในฐานะนักพฤติกรรมวิทยาได้ปฏิวัติวงการวิทยาศาสตร์ และเธอยังเป็นผู้สนับสนุนที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อการปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้
เธอเป็นผู้บุกเบิกในสาขาของเธอ ทั้งในฐานะนักวิทยาศาสตร์หญิงในทศวรรษ 1960 และจากงานศึกษาพฤติกรรมของไพรเมต โดยเธอได้รับแต่งตั้งให้เป็น Dame of the British Empire ในปี 2003 และได้รับ U.S. Presidential Medal of Freedom ในปี 2025
เจนกล่าวว่า เธอไม่เคยสงสัยในความสามารถในการฟื้นตัวของโลกหรือความสามารถของมนุษย์ในการเอาชนะความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เธอเรียกร้องให้โลกดำเนินการอย่างรวดเร็วและเร่งด่วนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเน้นย้ำว่า “มันอยู่ในมือของเรา มันอยู่ในมือของคุณและมือของฉัน และมือของลูกๆ ของเรา มันขึ้นอยู่กับเราจริงๆ” พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้คน ‘ทิ้งร่องรอยทางนิเวศวิทยาที่เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้’ เพื่อให้ระบบนิเวศของโลกใบนี้คงอยู่ไปอย่างยั่งยืน
ภาพ: Hulton Archive / Getty Images
อ้างอิง: