วันนี้ (2 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการประชุมกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาปัญหาการปรามสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์
รังสิมันต์ระบุว่า เราพิจารณาเรื่อง เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ โดยเฉพาะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่พบว่าเบนจามินอาจจะเป็นหัวขบวนสำคัญระดับแมมมอทของเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา ที่กำลังนำเงินผิดกฎหมายเหล่านี้มายึดประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นทางธุรกิจพลังงาน ผ่านธนาคารหรือบริษัทต่างๆ
รวมถึงอาจจะใช้เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดที่แล้ว เร่งรีบในการฟอกเงินเป็นจำนวนเงินหลายแสนล้านบาท ซึ่งเมื่อเราเจอคนสำคัญจึงต้องเข้าไปจัดการ เป็นที่มาซึ่งกรรมาธิการความมั่นคงฯ ต้องพิจารณาเรื่องของบุคคลคนนี้
ส่วนต้องเชิญเบนจามินมาให้ข้อมูลหรือไม่ รังสิมันต์กล่าวว่า พูดตรงๆ ก็ไม่รู้จะไปเชิญที่ไหนเหมือนกัน แต่เรื่องนี้อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะเชิญเบนจามิน เพราะหลักๆ เราให้ความสำคัญในเรื่องของหน่วยงานของรัฐที่จะให้ข้อมูลต่างๆ และบริษัทเอกชนต่างๆ ที่มองว่าน่าสนใจ แต่เนื่องจากตัวละครมีจำนวนมาก เราจึงเอาหน่วยงานหลักๆ ก่อนไม่ว่าจะเป็น อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเข้าใจว่าท่านคงไม่มาและมอบหมายให้คนอื่นมา
รวมถึงวันนี้มีการเรียกตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การทลายหัวขบวนแก๊งสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่เป็นของโลก
สำหรับการเชิญ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาให้ข้อมูลนั้น รังสิมันต์กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการพิจารณากันอีกครั้ง แต่ ร.อ. ธรรมนัสอยู่ในเป้าหมายที่เราจำเป็นต้องเชิญมาให้ข้อมูลอยู่แล้ว แต่วันนี้เราเอาหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักก่อน ร.อ. ธรรมนัสยังอยู่ในฐานะพยานที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด พอๆ กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากทักษิณยังถูกจำคุกอยู่ จึงยังเชิญมาไม่ได้ แต่เบื้องต้นอาจจะมีการเชิญร.อ.ธรรมนัส มาอีกครั้ง ซึ่งจะต้องรอดูการพิจารณาในกรรมาธิการฯ วันนี้ให้ข้อมูลสะเด็ดน้ำมากขึ้นก่อน
ขณะที่ประเด็นที่ ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่ามีผู้เสนอเงินสินบน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่แตะเรื่องคอลเซ็นเตอร์นั้น รังสิมันต์กล่าวว่า อาจจะมีความเชื่อมโยงกัน แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือเรื่องของเบนจามิน เพราะเราอยากทลายหัวขบวนของแก๊งสแกมเมอร์ แต่เงินสินบน 40 ล้านบาทนั้น เรายังไม่ทราบว่ามีการเชื่อมโยงกับเรื่องของเบนจามินมากน้อยเพียงใด ซึ่งเรามีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน หากมีความเกี่ยวข้องจริงก็จะเป็นเรื่องที่ใหญ่มากและใหญ่กว่าเดิม เพราะแม้แต่รัฐมนตรีก็สามารถซื้อได้ เป็นเรื่องที่อาจจะต้องมีการถามกันต่อไป
ส่วนที่ไชยชนกสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องดังกล่าวแล้วนั้น รังสิมันต์กล่าวว่า สิ่งที่ไชยชนกทำคือขั้นต่ำ ซึ่งก็ยังไม่มีไทม์ไลน์ออกมาว่า จะมีบทสรุปออกมาอย่างไร หากไชยชนกยังถูกซื้อ แล้วหน่วยงานอื่นๆ จะถูกซื้อไปด้วยหรือไม่ จะมีการจ่ายสินบนในลักษณะเช่นนี้ด้วยหรือไม่ สิ่งที่ไชยชนกพูดถ้าจะมีประโยชน์ คือการทำให้เราเกิดคำถามและเข้าใจว่าวันนี้ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังปราบไม่ได้สักครั้ง เพราะหน่วยงานของรัฐอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับสินบนด้วยหรือไม่