ถึงจะถูกดึงความสนใจไปพอสมควรจากน้องใหม่อย่าง iPhone Air แต่สำหรับใครหลายคน iPhone 17 Pro Max คือสิ่งที่พวกเขาอยากรู้เสมอว่า Apple จะพาสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของพวกเขาไปได้ไกลแค่ไหน?
คำตอบที่พบคือนอกจากจะเป็นโทรศัพท์ที่เร็วและแรงที่สุดด้วยขุมพลังมหาศาลจากชิป A19 Pro แล้ว ก็ยังเป็น iPhone ที่ซูมได้ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วย!
iPhone 17 Pro Max เครื่องนี้เป็นการอัปเดตใหม่ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะเครื่องในตับไตไส้พุง (A19 Pro, แบตเตอรี่ความจุเพิ่มขึ้น) แต่ยังมาในรูปลักษณ์หน้าตาใหม่โดยเฉพาะในส่วนของกล้องที่ไม่ใช่แค่จัดวางตำแหน่งใหม่ แต่ยังมีการปรับส่วนของกล้องใหม่ให้เป็นในแบบ Plateau หรือ ‘เนิน’
บนเนินนั้นมีกล้องทั้งหมด 3 ตัวเท่าเดิม และภายในนั้นยังเป็นพื้นที่สำหรับการบริหารจัดการวางชิปเซตต่างๆ ได้ดีขึ้นด้วยเพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับชิ้นส่วนที่ใช้เนื้อที่มากที่สุดอย่างแบตเตอรี่นั่นเอง
สำหรับกล้องของ iPhone 17 Pro Max เป็นกล้อง Fusion Pro ที่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซลทั้ง 3 ระยะคือระยะปกติ, อัลตราไวด์ และเทเลซูม โดยเฉพาะเลนส์ตัวหลังที่ถูกพูดถึงมากเป็นพิเศษว่าเป็นได้รับการพัฒนาให้ซูมได้ไกลขึ้น 8 เท่าในแบบออปติคัล แต่ในทางเทคนิคแล้วซูมออปติคัลได้จริง 4 เท่า (8 เท่าเป็นระยะเทียบเฉยๆ)
เรื่องนี้สำคัญไหม? สำหรับคนที่คาดหวังว่าจะนำมาใช้ซูมระยะไกล เช่น การถ่ายวิดีโอในคอนเสิร์ต หรือการถ่ายนักฟุตบอลคนโปรดในสนาม ตรงนี้ต้องบอกว่าอาจจะผิดหวัง
แต่ถ้าถามว่าระยะ 8 เท่าของ iPhone 17 Pro Max ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมไหม ก็ต้องบอกว่าดีขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของระยะทางการซูม แต่รวมถึงคุณภาพที่คมชัดขึ้น และนั่นหมายถึงโอกาสในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้มีคุณภาพสูงขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอ ซึ่งยังเป็นจุดที่แข็งแกร่งของ iPhone เหมือนเดิม รวมถึงกล้องหน้า Center Stage ที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับส่วนอื่นๆ แล้ว iPhone 17 Pro Max ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก จอภาพเป็นจอ Super Retina HDR ProMotion รีเฟรชเรต 120Hz เหมือนกับรุ่น iPhone Air ต่างกันที่ขนาดโดย iPhone 17 Pro Max มีขนาดจอ 6.9 นิ้วใหญ่ที่สุด (ขณะที่ iPhone 17 Pro มีขนาดจอ 6.3 นิ้ว)
เคลือบด้วย Ceramic Shield 2 ที่พัฒนาให้ทนรอยขีดข่วนเพิ่มจากเดิม 3 เท่า และชิปเซตเดียวกัน A19 Pro ที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU ขนาด 6 คอร์ ที่ทรงพลังอย่างแรงและทำงานได้ยอดเยี่ยมบนระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 26
อีกเรื่องที่มีความสงสัยกันคือการเปลี่ยนบอดี้จากวัสดุไทเทเนียมกลับมาเป็นอะลูมิเนียมเพื่อช่วยในเรื่องของการระบายความร้อน เรื่องนี้ดูจะได้ผลที่ดีจริงเพราะเท่าที่ใช้งานมาไม่รู้สึกว่าเครื่องร้อนมากนัก (เมื่อเทียบกับ iPhone Air ที่อุ่นได้ง่ายแต่ก็หายเร็วอยู่) ส่วนหนึ่งเป็นเครดิตของ Vapor Chamber ที่ใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยในการระบายความร้อนด้วย
ในส่วนของระยะเวลาการใช้งานแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงเพราะนี่คือ iPhone ที่อึดที่สุด จากการทดสอบใช้งานจริงออกจากบ้านตอนเช้า กลับถึงบ้านตอนค่ำโดยใช้งานแบบทั่วไป ยังเหลือแบตเตอรี่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เรียกว่าสบายๆ สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะสายใช้งานทั่วไป สายนักผลิตคอนเทนต์ สายดูหนังฟังเพลง ไปจนถึงสายคนรักเกม
ด้วยสนนราคาเริ่มต้น 48,900 กับเนื้อที่ความจุ 256GB (ที่อาจจะน้อยไปนิดหากชอบถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง) iPhone 17 Pro Max เป็นรุ่นที่มีค่าตัวค่อนข้างสูงเอาการ แต่หากมองเป็นการลงทุนในระยะยาวแล้วน่าจะเป็นรุ่นที่ใช้งานได้ยาวนาน
ที่สำคัญเป็น iPhone รุ่นเดียวในปีนี้ที่มีขนาดจอใหญ่ สำหรับชาว Gen Y ที่สายตาเริ่มยาวแล้ว บางทีนี่อาจเป็นอีกเหตุผลที่น่าเข้าข้างตัวเองอยู่เหมือนกัน (สี Deep Blue สวยนะ!)
