CNBC รายงานโดยอ้างอิง Buffett Watch ระบุว่า ‘โฆษก Berkshire’ ยืนยันปิดสถานะ BYD แล้ว ขณะที่หลักฐานก่อนหน้าอย่างการลดสัดส่วนต่ำกว่า 5% ตั้งแต่ ก.ค. 2024 ทำให้ไม่ต้องรายงานธุรกรรมต่อ HKEX อีกต่อไป การลงทุนเริ่มปี 2008 ตามคำแนะนำของ Charlie Munger ด้วยเงินประมาณ 230 ล้านดอลลาร์ สร้างผลตอบแทนสะสมประมาณ 3,890% ก่อนทยอยขายตั้งแต่ปี 2022
Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนออกไปเรียบร้อยแล้ว ยุติการลงทุนที่สร้างกำไรอย่างงดงาม หลังจากถือครองมานานถึง 17 ปี
Berkshire เริ่มเข้าซื้อหุ้น BYD จำนวน 225 ล้านหุ้นในปี 2008 ด้วยมูลค่าเพียง 230 ล้านดอลลาร์ ตามคำแนะนำของ Charlie Munger หุ้นส่วนคนสำคัญของ Buffett ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่กลายเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม เพราะในช่วงที่ Berkshire ถือหุ้นอยู่ ราคาหุ้น BYD พุ่งขึ้นมากถึงประมาณ 3,890% ทำให้การลงทุนครั้งนี้สร้างกำไรระดับมหาศาล
Berkshire เริ่มทยอยขายหุ้นออกตั้งแต่สิงหาคม 2022 โดยตอนนั้นหุ้น BYD ในพอร์ตมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 41% ในไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียว และในกลางปี 2023 Berkshire ขายหุ้น BYD ไปแล้วเกือบ 76% ของการถือครอง จนสัดส่วนเหลือต่ำกว่า 5% ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรายงานการขายต่อไปตามกฎของตลาดหุ้นฮ่องกง
ต่อมาในการยื่นงบไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัท Berkshire Hathaway Energy ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น BYD รายงานว่ามูลค่าการลงทุนใน BYD ลดเหลือศูนย์ และต่อมาก็มีโฆษกยืนยันว่า Berkshire ได้ขายหุ้น BYD ทั้งหมดแล้วจริง
แม้บัฟเฟตต์ไม่ได้ให้เหตุผลชัดเจน แต่เขาเคยให้สัมภาษณ์ในปี 2023 ว่า BYD เป็น ‘บริษัทที่ยอดเยี่ยมบริหารโดยคนที่ยอดเยี่ยม’ แต่เขาคิดว่าคงมีการลงทุนอื่นๆ ที่เหมาะสมกว่าในการนำเงินไปใช้ พร้อมกันนั้น Berkshire ก็ขายหุ้น Taiwan Semiconductor (TSMC) มูลค่าเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์ออกเกือบทั้งหมด หลังจากถือไว้เพียงไม่กี่เดือน โดยให้เหตุผลเรื่องความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จีนยังคงอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวัน พร้อมย้ำว่า ‘โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง’
นอกจากนี้ Buffett ยังคงยึดแนวทางการลงทุนระยะยาว และคัดค้านการที่บริษัทจดทะเบียนเน้นผลประกอบการระยะสั้นเกินไป เขาและ Jamie Dimon ซีอีโอ JPMorgan เคยร่วมกันเขียนบทความลง Wall Street Journal ในปี 2018 เตือนว่าการให้แนวโน้มกำไรเป็นรายไตรมาส ทำให้บริษัทมุ่งหวังตัวเลขสั้นๆ จนกระทบกลยุทธ์ การเติบโต และความยั่งยืนระยะยาว
ในแง่นี้ Buffett ยังมีมุมมองสอดคล้องกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump บางส่วนที่เพิ่งเสนอให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐ อนุญาตให้บริษัทเปิดเผยงบการเงินเพียงทุก 6 เดือน แทนที่จะเป็นทุกไตรมาส โดย Buffett เน้นว่าบริษัทควรรายงานผลการดำเนินงานจริงในทุกไตรมาสตามปกติ แต่ไม่ควรทำนายตัวเลขกำไรในอนาคต เพราะทำให้ตลาดและผู้บริหารหมกมุ่นกับเป้าสั้นๆ มากเกินไป
อ้างอิง:
