×

ค้าปลีกสหรัฐฯ เสี่ยงล้มละลาย พิษภาษีไม่กระทบจีน แต่บั่นทอนรายได้ค้าปลีกใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่ง

27.08.2025
  • LOADING...

มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้บริษัทค้าปลีกหลายแห่งในอเมริกามีรายได้ลดลง โดยขณะนี้มีบริษัทเข้าสู่กระบวนการล้มละลายในชั้นศาลแล้ว 2 แห่ง และคาดว่ามีบริษัทที่ขาดทุนอย่างหนักอีกหลายแห่ง

 

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างเตือนว่า ระดับราคาสินค้าจะสูงขึ้น หากมาตรการภาษียังดำเนินต่อไป เนื่องจากผู้ส่งออกจีนรับภาระภาษีเพียงส่วนน้อย ทำให้บริษัทอเมริกันต้องแบกรับต้นทุนที่เหลือเอง หรือเลือกผลักภาระไปยังผู้บริโภค ตามที่ระบุไว้ในบันทึกการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 29-30 กรกฎาคม

 

ปัจจุบัน สหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 55% ซึ่งนับรวมมาตรการภาษีที่ประกาศขึ้นในวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ Trump ทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งอ้างว่ากำแพงภาษีจะช่วยสร้างสมดุลทางการค้าและกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ

 

Christopher Beddor รองผู้อำนวยการวิจัยจีนของ Gavekal Dragonomics ในฮ่องกงกล่าวว่า “สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีครอบคลุมสินค้าจีนทุกรายการ ทำให้บริษัทอเมริกันที่นำเข้าสินค้าจากจีนส่วนใหญ่ต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น” และยังเตือนด้วยว่า อาจมีการปลดพนักงานเกิดขึ้นในไม่ช้า และต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้นบางส่วนจะถูกส่งไปยังผู้บริโภค

 

บริษัทค้าปลีกเจ้าใหญ่ในสหรัฐฯ ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย Walmart, Home Depot, Target และ Lowe’s ต่างแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบของมาตรการภาษี สะท้อนถึงความท้าทายในภาคธุรกิจดังกล่าว

 

แม้บริษัทจะตอบสนองอย่างรวดเร็วจนสามารถบรรเทาผลกระทบได้บางส่วน ผ่านการเพิ่มราคาสินค้า หรือปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต้นทุน แต่ Doug McMillon ประธานและซีอีโอของ Walmart ยอมรับว่า “ต้นทุนของ Walmart ยังคงเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในไตรมาส 3 และ 4”

 

ด้าน Brian Cornell ซีอีโอของ Target ก็เห็นพ้องว่า “ต้นทุนโดยตรงจากภาษีจะยังไม่หายไป ตราบใดที่ภาษียังมีผลบังคับใช้”

 

ปัจจุบัน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ Walmart ยักษ์ค้าปลีกระดับโลก ที่เคยออกมาเตือนในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกว่า ไม่อาจแบกรับต้นทุนภาษีได้ทั้งหมด ขณะที่ประธานาธิบดี Trump กดดันให้ Walmart ต้องแบกรับภาระภาษีนั้นไว้ ห้ามส่งต่อให้ผู้บริโภค

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising