พรรคสมเด็จฯ ฮุน เซน กวาดคะแนนเสียงถล่มทลาย คว้าชัยเลือกตั้งกัมพูชาสมัยที่ 5 ติดต่อกัน

เป็นไปตามคาด สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ปกครองประเทศมายาวนานกว่า 33 ปี คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย ในการเลือกตั้งกัมพูชาเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งใหญ่ในปี 1998

โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกือบ 7 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 83% ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงทั่วประเทศ ซึ่งจากประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชา (กกต.) เบื้องต้นระบุว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ได้รับคะแนนเสียงไปกว่า 4.8 ล้านเสียง หรือราว 76.8% ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ ทำให้สมเด็จฯ ฮุน เซน และพรรคประชาชนกัมพูชา จะก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลอีกหนึ่งสมัย และปกครองกัมพูชาไปจนถึงปี 2023

ผศ.ดร. อรรถสิทธิ์ พานแก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลกัมพูชาให้เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งกัมพูชาในครั้งนี้เผยว่า พรรคประชาชนกัมพูชาของสมเด็จฯ ฮุน เซน คว้าที่นั่งในสภามากกว่า 80% จริง และจะขึ้นมาบริหารประเทศต่ออีกหนึ่งสมัย หลังไร้คู่แข่งสำคัญร่วมชิงชัยในศึกครั้งนี้ และทางกกต. กัมพูชา จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงราวกลางเดือนสิงหาคม

ทางด้าน มู โซชัว รองหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ให้สัมภาษณ์สื่อในกรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย วานนี้ พร้อม เกิม โมโนวิทยา ลูกสาวของนายเกิม สุขา หัวหน้าพรรคที่ถูกจับกุมในข้อหากบฏ ร่วมกันสมคบคิดกับต่างประเทศ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลของ สมเด็จฯ ฮุน เซน และนำไปสู่การประกาศยุบพรรค CNRP ในที่สุด “วันที่ 29 กรกฎาคม 2018 เป็นวันที่ประชาธิปไตยได้ตายไปจากกัมพูชา เป็นวันที่เลวร้ายครั้งใหม่ในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้”

ขณะที่ นายสม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านคนสำคัญของพรรค CNRP ที่กำลังอยู่ในระหว่างลี้ภัยทางการเมืองในต่างประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ชัยชนะที่ได้มาโดยปราศจากการแข่งขัน เป็นชัยชนะที่ไร้ค่าไม่มีความหมาย อีกทั้งผลการเลือกตั้งปลอมๆ ที่จัดทำขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศของความกลัวทางการเมือง ก็ขัดต่อเจตจำนงของประชาชน”

ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เองก็ระบุว่า การเลือกตั้งกัมพูชาครั้งนี้มีจุดด่างพร้อยและไม่โปร่งใส หลังก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ประกาศตัดงบประมาณและเงินช่วยเหลือแก่กัมพูชาแล้ว และสหภาพยุโรปเองก็กำลังจะพิจารณามาตรการคว่ำบาตรกัมพูชาในทางเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้ หลังผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ชัดว่า ประชาธิปไตยในกัมพูชากำลังถดถอยลงอย่างมาก

อ้างอิง: