Us and Them ภาพยนตร์ผลงานกำกับครั้งแรกของ เรเน่ หลิว เข้าฉายในประเทศจีนปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์เป็นภาพยนตร์จีนที่ติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศทำรายได้ 202 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งยังส่งให้เรเน่กลายเป็นผู้กำกับหญิงคนแรกที่ทำรายได้สูงสุดสำหรับภาพยนตร์ภาษาจีน และล่าสุด Netflix ได้สิทธิ์การฉายไปใน 190 ประเทศทั่วโลก
เรเน่ หลิว เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไต้หวัน มีผลงานการแสดง เช่น The Personals (1998) และ A World Without Thieves (2004) นอกจากนี้ยังมีความสนใจงานเบื้องหลัง ซึ่งทำให้เธอสั่งสมประสบการณ์จนเกิดเป็น Us and Them ภาพยนตร์ขนาดยาว 2 ชั่วโมง
การกำกับครั้งแรก การทำงานในฐานะคนเบื้องหลัง อะไรคือกลไกสู่ความสำเร็จ THE STANDARD สัมภาษณ์ เรเน่ หลิว เพื่อทำความรู้จักตัวตนและผลงานภาพยนตร์ของเธอที่ตอนนี้ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของใครหลายคนไปเป็นที่เรียบร้อย
อ่านบทความเกี่ยวกับภาพยนตร์ Us and Them ได้ที่นี่ thestandard.co/us-and-them
หลังจากที่ดู Us and Them จนจบ เราเซอร์ไพรส์มากว่านี่เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก อยากรู้ว่าคุณได้ไอเดียเรื่องนี้มาจากไหน
Us and Them ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นของฉันที่มีชื่อว่า Home for Chinese New Year ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2554 เกี่ยวกับเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งจากเหม่ยหนง เมืองเกาสง ที่เดินทางมายังกรุงไทเปเพื่อทำงาน พวกเขาตกหลุมรักและเลิกรากันไปก่อนที่ต่างคนจะต่างแต่งงานกับคนใหม่ แต่ทุกปีพวกเขาทั้งคู่จะได้พบกันที่บ้านเกิดในช่วงปีใหม่
โปรดิวเซอร์ จางอี้ไป่ สนับสนุนเรื่องสั้นเรื่องนี้และทำให้มันกลายเป็นบทภาพยนตร์ในเวลา 2 ปี ก่อนที่พวกเราจะมีเวลาเตรียมการก่อนถ่ายทำเรื่องนี้อีก 2 ปีเต็มๆ แต่ในภาพยนตร์จะถูกเปลี่ยนจากไทเปเป็นเมืองปักกิ่งแทน เล่าเรื่องราวของสองชายหญิงที่เดินทางมาทำงานต่างถิ่น วันหนึ่งพวกเขาเจอกันบนรถไฟระหว่างทางกลับบ้านจนผูกพันกันเป็นเวลานานนับ 10 ปี
Us and Them บอกเล่าเรื่องราวความรักของทั้งสองคนในช่วงระยะเวลา 10 ปี แต่มันไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความรักอย่างเดียว มันยังมีเรื่องความรักในครอบครัว การทำงาน ความฝัน และอื่นๆ รวมไปถึงความลำบากในการใช้ชีวิตที่ปักกิ่ง เรื่องราวนี้ไม่ได้สะท้อนชีวิตวัยรุ่นของคนอื่น แต่เป็นของพวกเราเองด้วยเช่นกัน
ผู้กำกับไทยหลายคนเคยให้สัมภาษณ์ว่าการทำหนังแต่ละเรื่องคล้ายดึงส่วนหนึ่งจากชีวิตของเขาออกมา สำหรับคุณ Us and Them ใกล้เคียงหรือดึงมาจากประสบการณ์ชีวิตในส่วนไหนบ้าง
เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้มีที่มาจากการสังเกตชีวิตธรรมดาๆ เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับเมืองปักกิ่ง ฉันก็ทำการบ้านในการตรวจสอบพื้นเพของภาพยนตร์หลายรอบ ไม่ใช่เพียงแต่พูดคุยกับคนรอบตัว แต่ฉันยังดูสารคดีและอ่านหนังสืออีกหลายเล่มด้วย
ฉันเขียนเรื่องราวความรักและความซาบซึ้ง เพราะอยากจะเล่าเรื่องอิทธิพลต่างๆ ที่ได้รับมาจากครอบครัวของตัวเอง และในเรื่องราวเหล่านั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งที่รับรู้ เข้าใจ รักกัน เลิกรากันไป และกลับมาพบกันอีกครั้ง ในท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถหลุดพ้นจากเรื่องเหล่านั้นไปได้ เมื่อฉันตั้งใจจะถ่ายทำเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ฉันก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป หลังจากนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ความเสียใจนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่ว่าคุณจะไม่จริงใจกับตัวเอง เพราะเราจะเสียใจเฉพาะกับเรื่องที่เราใส่ใจเท่านั้น
จากนักร้อง นักแสดง มาถึงการกำกับภาพยนตร์ คุณรู้ตัวเมื่อไรว่าสนใจงานกำกับภาพยนตร์ และ Us and Them เป็นไอเดียแรกที่สนใจจะทำเลยไหม
ฉันรักการทำงานเบื้องหลังมาโดยตลอด และยังชอบพูดคุยกับคนเขียนบทตั้งแต่ที่ฉันเริ่มต้นอาชีพนักแสดงเมื่อสิบปีก่อน แต่นั่นเป็นเพียงเพราะความอยากรู้และความสงสัย ไม่ใช่เพราะฉันคาดว่าจะมาเป็นผู้กำกับในอนาคต ฉันเคยได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้กำกับเมื่อหลายปีก่อน แต่คิดว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ส่วนในครั้งนี้ฉันกำกับ Us and Them เพราะอยากจะเล่าเรื่องราวนี้ในแบบของตัวเอง และเพื่อนร่วมสายอาชีพก็บังเอิญอยากจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน
เท่าที่ทราบ เครดิตทีมงานแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย เช่น มาร์ก ลีปิงบิง ที่เคยกำกับภาพให้หนังของหว่องกาไว อยากให้แนะนำทีมงานคนสำคัญๆ ที่ช่วยสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
ฉันรู้จักกับมาร์กมา 23 ปี เราเจอกันครั้งแรกในปี 2537 แล้วเราก็เจอกันทุกปีหลังจากนั้น ฉันคิดว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับเขาคือทักษะการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม เลนส์กล้องของเขาเหมือนมีชีวิตไปกับนักแสดง นอกจากนั้นเขายังลงมือถ่ายภาพด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังอย่าง เลียวชิงซง, ตู้ตู่ชี และถังเชียงชู ผู้ที่เคยถ่ายภาพยนตร์ให้กับผู้กำกับโหวเสี้ยวเสียน ก็รักภาพยนตร์เรื่องนี้มากเช่นกัน พวกเขามักจะจดจ่ออยู่กับการสร้างภาพยนตร์อยู่เสมอ และพวกเขาเคารพงานของตัวเอง รวมถึงทีมงานที่ร่วมถ่ายทำครั้งนี้เราก็สนิทกันมาก และมาร์กก็รักเหล่านักแสดงมากๆ เช่นกัน
คุณเองทำงานอยู่ในแวดวงนี้อยู่แล้ว แต่การเป็นผู้กำกับครั้งแรกใน Us and Them เป็นอย่างไรบ้าง มีเรื่องอะไรที่อยากเล่าให้ฟังไหม เช่น ฉากที่ยากที่สุด แต่ประทับใจที่สุด
โชคดีที่ฉันได้ทำงานกับทีมงานที่ยอดเยี่ยม ฉันจึงได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับกระบวนการทางภาพยนตร์ และฉันก็รักมันมาก
มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเราเดินทางไปยังเมืองไห่ลาเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งขณะนั้นมีอุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส ด้วยอุณหภูมินี้แน่นอนว่าต้องมีหิมะ เพียงแค่เดินออกจากประตูไปแค่ 10 นาที น้ำแข็งก็เริ่มเกาะที่ขนตา ซึ่งมันเป็นอะไรที่เจ็บแสบมากๆ แต่หลังจากได้เห็นภาพที่ถ่ายมา ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ามาก
ตัวละครเจียงเฉวี่ยนและเสียวเสี่ยวน่าจะเป็นตัวแทนความรู้สึกผู้คนไม่เฉพาะในประเทศจีน แต่รวมถึงสังคมในเอเชียที่รับรู้ความรู้สึกนี้ได้ร่วมกัน คุณคิดว่าคนดูไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน พวกเขาจะได้รับอะไรกลับไปจากการดูหนังเรื่องนี้
ฉันหวังว่าผู้ชมจะนึกถึงตัวเองหลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ‘เพราะเราเองก็ไม่ต่างกับตัวละครในภาพยนตร์’ เราต่างก็มีเรื่องที่ปวดใจและเสียใจ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต่างปรารถนาให้เรื่องราวเหล่านั้นอยู่กับเรา
ฉันคิดว่าวิธีที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องเสียใจ อย่างแรกคือรู้ว่าความเจ็บปวดนั้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป หลังจากนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ความเสียใจนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่ว่าคุณจะไม่จริงใจกับตัวเอง เพราะเราจะเสียใจเฉพาะกับเรื่องที่เราใส่ใจเท่านั้น
ทันทีที่หนังเข้าฉายในจีนแล้วได้รับความนิยมทันที ถึงตอนนี้ Netflix ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายทั่วโลก อยากให้อธิบายความรู้สึกตอนนี้ให้เราฟังหน่อย
การได้รับเลือกจาก Netflix ให้เป็นภาพยนตร์ออริจินัลคอนเทนต์ภาษาจีนเรื่องแรกถือเป็นเกียรติอย่างมาก ผู้กำกับภาพ มาร์ก ลีปิงบิง พูดกับฉันเอาไว้ว่าภาพยนตร์นั้นมีภาษาเป็นของตัวเอง แต่มีบางอย่างที่สำคัญกว่านั้น มันไม่ใช่แค่ภาษาภาพยนตร์ แต่มันจะปรากฏสู่สายตาของผู้ชมจำนวนมาก ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีมากที่มีผู้คนมากมายได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และทำให้ฉันรู้สึกว่าภาพยนตร์นั้นไม่เคยห่างหายไปจากจอเลย
ว่ากันว่าทุกๆ การทำงานสอนให้เราได้เรียนรู้ Us and Them ให้บทเรียนอะไรคุณบ้าง
ฉันเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งเรียนรู้ว่าทุกอย่างมีทั้งด้านของความสุขที่สมหวัง กับอีกด้านหนึ่งที่มันเจ็บปวดเกินจะทน
- Us and Them คือเรื่องราวความรักของ หลิงเจียงเฉวี่ยน (จิ่งโป้วหลาน) และฟางเสียวเสี่ยว (โจวเต้าหยุน) หนุ่มสาวที่พบกันบนรถไฟขณะกลับบ้านเกิดช่วงตรุษจีนในปี 2007 ทั้งคู่ใช้เวลา 11 ปีจากเพื่อนเป็นแฟน สู้ชีวิต ปากกัดตีนถีบ หัวเราะ ร้องไห้ สู่ความเฉยชา เลิกรา และกลับมาพบกันอีกครั้ง