วันนี้ (31 กรกฎาคม) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเปิดตลาด (Market Access) ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement) กับหลายประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่า ในข้อเสนอที่ส่งไปไทยไม่ได้เปิดตลาดให้สหรัฐฯ ทั้งหมด (Total Access) เนื่องจาก ไทยยึดหลักพิจารณาจากความต้องการในประเทศ โดยต้องเป็นสินค้าที่ไทยต้องการใช้ ยังผลิตไม่ได้ หรือผลิตได้ไม่เพียงพอ
พิชัย ยังเน้นย้ำความสำคัญของการลดมาตรการกีดกันการค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barrier: NTBs) ซึ่งไทยได้มีการหารือรายละเอียดกับทางสหรัฐฯ ไว้ค่อนข้างมาก โดยมองว่า การผ่อนคลายกฎเกณฑ์การค้าต่างๆ จะเป็นผลดีต่อไทย เพราะจะช่วยให้ไทยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลกได้ในที่สุด หลังจากทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ตามระเบียบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
“เรื่องสำคัญที่สุดคือ Non-tariff Barrier ก็ค่อนข้างจะลงรายละเอียดเยอะในการเจรจากับทางสหรัฐฯ จริงๆ ต่อให้ไม่มีประเด็นภาษีของสหรัฐฯ เราก็ควรทำ เพราะเป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับขั้นตอนที่ล่าช้า และกฎระเบียบเยอะ เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้” พิชัยกล่าว
โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่ต้องเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันด้านต้นทุน ซึ่งภาครัฐจะช่วยเร่งแก้ไขกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ และข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อช่วยเหลือในส่วนนี้
นอกจากนี้ พิชัยจึงหวังให้ไทยได้อัตราภาษีใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน เพื่อคงขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไป
พิชัยยังกล่าวเกี่ยวกับ งบประมาณในการเยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นที่เตรียมไว้ให้แต่ละภาคส่วนอุตสาหกรรม ซึ่งอาจมีการปรับลดหลั่นกันไป เนื่องจาก บางภาคส่วนไม่จำเป็นต้องปรับตัวมาก ขณะที่อีกภาคส่วนหนึ่ง อาจต้องปรับพื้นฐานโครงสร้างทางดิจิทัล
สุดท้ายนี้ พิชัยมองว่าสถานการณ์เต็มไปด้วยความคาดเดา ซึ่งไม่สามารถให้คำตอบได้มากนัก สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือหวังข่าวดีไว้ก่อน