รูบิโอ หารือ หวังอี้ เห็นพ้องขยายความร่วมมือระหว่างกัน ท่ามกลางความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เจรจาหารือครั้งแรกกับ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ขณะร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 58 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยทั้งคู่ ‘เห็นพ้อง’ ขยายความร่วมมือระหว่างกัน ท่ามกลางความตึงเครียดของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นการค้า ความมั่นคง และการสนับสนุนของจีนต่อสงครามของรัสเซียในยูเครน

รูบิโอระบุว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนมีพื้นที่ความร่วมมือที่เป็นไปได้ นี่เป็นการประชุมที่สร้างสรรค์และเป็นบวกมาก และยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ โดยรูบิโอเน้นย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องสร้างการสื่อสารและความไว้วางใจที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ รูบิโอยังเปิดเผยว่า ‘มีความเป็นไปได้สูง’ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อพบกับ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันว่า การประชุมที่เกิดขึ้นระหว่างรูบิโอและหวังอี้ “เป็นไปในทางบวก มีเหตุผล และสร้างสรรค์” แม้แถลงการณ์จะไม่ได้ระบุรายละเอียดในประเด็นเฉพาะอย่าง ภาษีศุลกากร หรือจุดยืนของจีนในสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ผู้แทนระดับสูงของทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะ ‘เพิ่มการสื่อสารและการเจรจา’ และ ‘สำรวจการขยายพื้นที่ความร่วมมือในขณะเดียวกันก็จัดการกับความแตกต่าง’ โดยหวังเรียกร้องให้ร่วมกันหาทางที่ถูกต้องให้ทั้งจีนและสหรัฐฯ อยู่ร่วมกันในโลกยุคใหม่

ประเด็นภาษีและการค้าถูกวางไว้ข้างหลัง

แม้ว่าภาษีศุลกากรจะเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการหารือกันในครั้งนี้ แต่รูบิโอเผยว่า การค้าระหว่างประเทศไม่ใช่หัวข้อหลักของการเจรจา เนื่องจากเขาไม่ใช่นักเจรจาด้านการค้า ส่วนใหญ่ของการเจรจาที่นี่จึงเป็นเรื่องอื่นๆ ที่เราสามารถร่วมมือกันได้

การประชุมกับหวังเกิดขึ้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากรูบิโอพบกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งพวกเขาหารือเกี่ยวกับแนวทางใหม่ในการฟื้นฟูการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน

ขณะที่ คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เน้นย้ำว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า” พร้อมชี้ว่า “ถ้าคุณเริ่มสงครามการค้ากับทุกคน คุณจะทำให้พันธมิตรของคุณอ่อนแอลงและทำให้จีนแข็งแกร่งขึ้น”

มุมมองสหรัฐฯ-จีน ต่อกันและกัน

ทรัมป์มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐฯ ในหลายด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีและการค้า และเช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนๆ โดยเขาชี้ว่า จีนขยายอิทธิพลทั่วโลกอย่างมาก และมีท่าทีที่มั่นใจมากขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะต่อประเด็นในทะเลจีนใต้และไต้หวัน รัฐบาลทรัมป์จึงทำสงครามการค้าครั้งใหญ่กับจีน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงสงบศึกทางการค้าชั่วคราว

รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน เชื่อว่า จีนมีส่วนช่วยรัสเซียฟื้นฟูอุตสาหกรรมทหาร เพื่อช่วยรัสเซียในสงครามสู้รบกับยูเครน ซึ่งรูบิโอกล่าวว่ารัฐบาลทรัมป์ก็มีมุมมองเช่นเดียวกัน

ขณะที่หวังวิจารณ์ภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ขู่ใช้ และนำเสนอจีนในฐานะ ‘คู่แข่ง’ ในระหว่างการเจรจากับคู่เจรจาอาเซียน โดยระบุว่า สหรัฐฯ ใช้ภาษีศุลกากรในทางที่ผิด ทำลายระบบการค้าเสรี และทำลายความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานโลก

อย่างไรก็ตาม ทั้งรูบิโอและหวังต่างแสดงจุดยืนว่า ทั้งสองประเทศพร้อมที่จะร่วมมือกันในด้านต่างๆ ที่เป็นไปได้ รวมถึงเน้นย้ำประโยชน์ของความร่วมมือกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ภาพ: Mandel Ngan / Reuters

อ้างอิง: