ผู้ผลิตจีนกำลังสร้างความสำเร็จอย่างน่าจับตา หลังเปลี่ยน ‘พัดลมพกพา’ ซึ่งเคยเป็นสินค้าทั่วไปคล้ายของเล่น ให้กลายเป็นแก็ดเจ็ตที่ดูโฉบเฉี่ยวและมีราคาสูงกว่าหลายเท่า ซึ่ง JisuLife บริษัทจากเซินเจิ้น เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นว่า ‘แบรนด์จีน’ กำลังยกระดับและสร้างชื่อเสียงใน ‘ตลาดโลก’ ได้อย่างไร โดยอาศัยความได้เปรียบด้านแบตเตอรี่ลิเธียมและการเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซ
ลีโอ เฉิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ JisuLife กล่าวว่า “เราวางตำแหน่งแบรนด์ของเราในฐานะผู้ผลิตเครื่องใช้ในบ้านที่ขับเคลื่อนด้วยการออกแบบใหม่”
ตัวอย่างหนึ่งของแนวทางการออกแบบที่เน้นคุณภาพคือรุ่น Ultra 2 ซึ่งเป็นพัดลม ‘ระดับพรีเมียม’ ที่มาพร้อมจอแสดงผล LED แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 25 ชั่วโมง และความเร็วลมที่บริษัทระบุว่าแรงกว่าพัดลมราคาถูกทั่วไปถึงสี่เท่า โดยรุ่นนี้จำหน่ายในราคา 80.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มพรีเมียมอย่างชัดเจน
JisuLife ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เริ่มต้นด้วยการขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายชนิดทางออนไลน์ ก่อนจะเปลี่ยนไปรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อื่นๆ (OEM) และต่อมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง แต่หลังจากประสบภาวะขาดทุนในปี 2021
เฉินกล่าวว่าบริษัทได้ทำการ ‘การปรับกลยุทธ์’ ครั้งสำคัญ โดยหันมามุ่งเน้นที่พัดลมเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีทั้งแบบมือถือ, แบบหนีบ และแบบตั้งโต๊ะ เพื่อสร้างตำแหน่งแบรนด์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์จากการปรับกลยุทธ์นี้คือ JisuLife มียอดขายพัดลมกว่า 30 ล้านชิ้น และทำกำไรจากการดำเนินงานได้ 1 พันล้านหยวน (ประมาณ 4.5 พันล้านบาท) ในปี 2024 สิ่งที่น่าสนใจคือ JisuLife ค้นพบช่องทางของตนเองด้วยการหลีกเลี่ยงกลยุทธ์ทั่วไปของแบรนด์จีนที่เน้นขายสินค้าราคาถูก
โดยก้าวสำคัญคือในปี 2023 เมื่อบริษัทเปิดตัวพัดลมพกพาความเร็วสูงระดับพรีเมียม ราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดถึง 4-5 เท่า ด้วยขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา และทำจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย กลายเป็นเบื้องหลังที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก
มาร์ค แทนเนอร์ กรรมการผู้จัดการ China Skinny บริษัทที่ปรึกษา กล่าวว่า JisuLife ได้เข้าร่วมกับแบรนด์จีนชื่อดังในการส่งเสริมการเปิดรับแบรนด์จีนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวัฏจักรเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคกำลังให้ความสำคัญกับ ความคุ้มค่ามากกว่าแบรนด์ ซึ่งแบรนด์จีนได้ยกระดับการออกแบบ, การควบคุมคุณภาพ, การตลาด และการจัดการ
ลู่สยงเหวิน คณบดีคณะการจัดการ มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ในเซี่ยงไฮ้ มองว่า JisuLife กำลังเข้ามาแข่งขันกับ Dyson ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมจากอังกฤษ เขากล่าวว่า “เมื่อ JisuLife เข้ามาร่วมการแข่งขันก็ยิ่งดุเดือดขึ้น” นอกจากนี้ ธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ ‘พัดลมพกพา’ ที่มักใช้ในสภาพอากาศร้อน ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ JisuLife ตัดสินใจมุ่งสู่ตลาดโลก
เฉินกล่าวว่า “ในจีนและสหรัฐฯ เราอาจขายผลิตภัณฑ์ได้ครึ่งปีในช่วงฤดูร้อน แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราสามารถขายได้ตลอดทั้งปี” JisuLife มีขายในอเมริกา, เอเชียแปซิฟิก และยุโรป โดยจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หลัก เช่น Amazon รวมถึงร้านค้าปลีกอย่าง Aeon, Costco, Carrefour และ Walmart และผลิตภัณฑ์ของบริษัทติดอันดับสินค้าขายดีที่สุดบน Amazon
แม้มีโมเมนตัมแข็งแกร่ง เฉินยอมรับว่าความท้าทายหนึ่งคือการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและแก้ไขข้อกังวลเรื่องเสียงรบกวนที่ผู้ใช้บางรายแจ้งมา และในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ JisuLife (คิดเป็น 40% ของยอดขาย) ตลอดจนบริษัทได้รับผลกระทบจากภาษีที่กำหนดโดยรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์
เฉินกล่าวว่า “เนื่องจากความตึงเครียดยังคงอยู่ เราจึงติดตามทิศทางของนโยบายภาษีอย่างใกล้ชิด และวางแผนปรับซัพพลายเชนเพื่อลดความไม่แน่นอน” เขามีเป้าหมายรักษายอดขายให้เติบโต 30% ถึง 50% ต่อปี โดยจะเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดส่ง
กระนั้นแทนเนอร์กลับแย้งว่า น่าแปลกที่ทรัมป์อาจกำลังทำประโยชน์ให้จีน “ทรัมป์กำลังช่วยเปลี่ยนมุมมองทั่วโลกที่มีต่อจีนไปในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งหมายถึงกำลังเพิ่มการยอมรับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของจีน”
ภาพ: JisuLife/Facebook
อ้างอิง: