ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากมาย โดยเฉพาะหลังสหรัฐฯ ประกาศนโยบายภาษีศุลกากร THE STANDARD WEALTH ชวนส่อง ‘ธนาคารกลาง’ ประเทศในเศรษฐกิจหลักและเอเชีย ตัดสินใจดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างไรกันบ้างในครึ่งแรกของปี 2025
จากการรวบรวมข้อมูลของ THE STANDARD WEALTH พบว่ามีธนาคารจำนวนมากตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งสัญญาณสนับสนุนหรือเหยียบคันเร่งให้เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังมีธนาคารกลางบางแห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงจากปลายปีก่อน
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไทย ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงไป 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปีนี้ แม้ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี เนื่องจากมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาสามารถรองรับความเสี่ยงได้ดีระดับหนึ่งแล้ว พร้อมมองว่านโยบายการเงินปัจจุบันอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายแล้ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับ Policy Space ที่มีจำกัด ทำให้การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เหมาะสมกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะชะลอลงและจะเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ช่วง 4.25-4.5% เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งเป็นระดับที่คงอยู่มาตั้งแต่ต้นปีนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
โดยในประมาณการเศรษฐกิจที่เปิดเผยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นชุดแรกนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า Fed คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้จะเติบโตช้าลง อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และการว่างงานเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม Dot Plot ซึ่งสะท้อนความคาดหวังของสมาชิกแต่ละคนในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ชี้ว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเหลือประมาณ 3.9% ภายในสิ้นปี 2025 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมาย 3.75-4% ซึ่งหมายถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต
