วันนี้ (25 มิถุนายน) เจน-สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วย พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และ เทียน-ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติมกรณีการหายตัวไปของวันเฉลิม
สิตานันเปิดเผยว่า วันนี้มายื่นหนังสือ และหลักฐานเทปของสำนักข่าวต่างประเทศที่เปิดเผยการสนทนาระหว่างสมเด็จ ฮุน เซน กับ เคลียง ฮวด และมีภาพบุคคลที่วันเฉลิมคุยไว้ในแอปพลิเคชันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตาม และตอนนี้ 5 ปีผ่านมาแล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
สำหรับหลักฐานที่ยื่นเพิ่มเติมในวันนี้ มีความชัดเจนมาก เพราะมีภาพของวันเฉลิม กับ เคลียง ฮวด แต่ประชาชนทั่วไปก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทยกับเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชามีการทำสัญญาหรือดีลลับอะไรไว้ จึงเป็นเหตุให้เราอย่ามาทวงถามเรื่องนี้
สิตานันยังกล่าวถึงคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จ ฮุน เซน ว่า ต้องขอบคุณคุณอุ๊งอิ๊ง และคนที่ปล่อยคลิปเสียงดังกล่าว เรารู้สึกว่าตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราท้อแท้มากที่หน่วยงานของรัฐไทยปฏิเสธการดำเนินคดี หรือช่วยเหลือญาติผู้เสียหาย
“วันนี้ขอบคุณที่ได้ยินเสียงของนายกรัฐมนตรีเรียกว่า ‘พี่ฮวด’ มันทำให้เรารู้เลยว่าความสัมพันธ์ของเขาอยู่ระดับไหน ซึ่งเรารู้มาก่อนแล้ว รวมถึงสาเหตุที่วันเฉลิมได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศกัมพูชาอย่างสบายนั้น เป็นเพราะใคร ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้มีคลิปเสียงดังกล่าวออกมาวันนี้” สิตานันกล่าว
ด้าน พรเพ็ญกล่าวว่า ข้อมูลหลักฐานเหล่านี้เคยยื่นไปแล้วที่ศาลกัมพูชา และได้มายื่นที่หน่วยงานไทย ด้วยความหวังว่าวันเฉลิมที่เป็นพลเมืองไทย แต่หน่วยงานไทยถ้ายังไม่ยอมรับข้อเท็จจริงนี้ แม้จะมีหลักฐานที่สามารถนำมาเชื่อมโยงกันได้ชัดเจน ว่าบุคคลสำคัญที่มีหน้าที่ดูแลผู้ที่คนอพยพลี้ภัย หรือผู้ที่รับผลกระทบจากการปราบปรามคนเสื้อแดง ไปอยู่กัมพูชาจำนวนหลายร้อยคน
“คลิปเสียงที่เผยออกมาแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดี และในเมื่อเวลาที่เขาไม่ดีต่อกันแล้ว กลับยังไม่เห็นฝ่ายไหน โดยเฉพาะฝ่ายไทย ออกมาค้นหาความจริง ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใดหรือเป็นการร่วมกันกระทำ จากคลิปที่เห็นเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่รัฐบาลไทยควรหยิบจับขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อย หรือระดับนโยบาย หรือฝ่ายใด มาอุ้มใครก็ได้ หายไป โดยที่ไม่มีคำตอบให้ญาติ” พรเพ็ญระบุ
เมื่อเปรียบเทียบกรณีของวันเฉลิม กับ ลิม กิมยา อดีตฝ่ายค้านกัมพูชาที่ถูกลอบสังหารที่ประเทศไทย พรเพ็ญกล่าวว่า ช่องว่างที่ทำให้ลิม กิมยา มาเสียชีวิตในประเทศไทย แสดงถึงความอุกอาจ และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายไทย เพียงเพื่อกำจัดผู้เห็นต่างของกัมพูชา เขาได้ทำลายเรื่องการท่องเที่ยว กฎหมาย และการคุ้มครองประชาชนในประเทศไทย และเมื่อเทียบกับกรณีของวันเฉลิมความเหมือนคือความรับผิดชอบไม่พ้นไปจากรัฐบาลไทย แม้จะปฏิเสธแค่ไหน
ด้านประกายดาวกล่าวย้ำว่า ขอเป็นพยานยืนยันว่า ‘พี่ฮวด’ เป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลี้ภัยในต่างแดนอย่างมาก หลังการลี้ภัยช่วงรัฐประหาร เคลียง ฮวด ก็เป็นคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือและให้คำปรึกษาผู้ลี้ภัยหลายคน ซึ่งตนเองมีการหารือกันตามโอกาสต่างๆ ส่วนตัวก็รู้จักกับ เคลียง ฮวด ค่อนข้างใกล้ชิด และไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่ใกล้ชิดขนาดนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง จนได้รับฟังคลิปเสียงล่าสุด
“ถ้าพี่ฮวดดูอยู่ คงจำเทียนได้ และไม่รู้ว่าทำกันแบบนี้ได้อย่างไร ก็ขอให้ความยุติธรรมกลับมา และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่เจนในการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมครั้งนี้” ประกายดาวทิ้งท้าย